ลัฏฐิวัน กรุงราชคฤห์ อินเดีย

เมื่อเสด็จเข้าสู่กรุงราชคฤห์นั้น ไม่ได้เสด็จเข้าไปทีเดียว ได้ประทับพักที่ ลัฏฐิวัน อันแปลว่า สวนตาลหนุ่ม พระเจ้าพิมพิสารได้ทรงทราบกิตติศัพท์ที่พูดเล่าลือกันว่า พระสมณโคดม ศักยบุตร ออกผนวชจากศักยตระกูล ได้เสด็จมายังกรุงราชคฤห์ เวลานี้ได้พักอยู่ที่ลัฏฐิวันสวนตาลหนุ่ม กิตติศัพท์เสียงที่พูดกันระบือถึงพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ได้ฟุ้งขจรไปว่า พระองค์เป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ศาสนา พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะบริบูรณ์บริสุทธิ์ทั้งหมด

ฉะนั้น การที่จะได้พบได้เห็นพระอรหันต์นั้นเป็นกิจที่ดีที่ชอบ พระเจ้าพิมพิสารพร้อมทั้งบริวาร ๑๒ นหุต (๑๒๐,๐๐๐คน)เป็นพวกพราหมณ์คหบดีชาวกรุงมคธ ก็ได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าถึงที่ประทับ พระเจ้าพิมพิสารเอง ได้ทรงอภิวาทพระพุทธเจ้าแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ส่วนข้างหนึ่ง

ฝ่ายพวกพราหมณ์คหบดี ชาวมคธ ๑๒ นหุต นั้น ได้แสดงกิริยาต่าง ๆ กัน บางพวกก็ถวายอภิวาท บางพวกก็กล่าววาจาปราศรัยชื่นชมยินดี บางพวกก็เพียงพนมมือไปทางพระพุทธเจ้า บางพวกก็ร้องประกาศชื่อโคตรของตน บางพวกก็เพียงเฉย ๆ ทั้งหมดก็นั่งอยู่ตามที่อันควรแก่ตน บริษัทเหล่านั้น โดยมากสงสัยว่า พระพุทธเจ้าได้ทรงประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักของท่านอุรุเวลกัสสะ หรือว่า ท่านอุรุเวลกัสสปะนั้นประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักของพระพุทธเจ้า.

พระพุทธเจ้าได้ทรงทอดพระเนตรเห็นอาการของบริษัท ที่ยังความเคลือบแคลงอยู่ดั่งกล่าว ก็ได้ตรัสถามท่านอุรุเวลกัสสปะขึ้น โดยความว่า “ท่านได้เห็นอะไรจึงได้ละทิ้งลัทธิบูชาไฟเดิมของตนเสีย”

ท่านอุรุเวลกัสสปะก็กราบทูลว่า “ลัทธิบูชายัญนั้น สรรเสริญกาม คือสิ่งที่น่าปรารถนาพอใจ เช่น รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส สตรี ท่านได้รู้ว่านั่นเป็นมลทิน จึงไม่ยินดี”

พระพุทธเจ้าได้ตรัสถามว่า “เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านยินดีอะไร ?”

ท่านอุรุเวลกัสสปะก็กราบทูลว่า “ข้าพระบาทเห็นธรรมที่สงบไม่มีกิเลสที่เป็นเครื่องข้องเกี่ยว เป็นธรรมะที่ไม่แปรปรวนเป็นอย่างอื่น เป็นธรรมะที่ไม่มีผู้อื่นจะพึงแนะนำได้ นอกจากจะพึงรู้ด้วยตนเอง ท่านได้ประสบพบเห็นธรรมะนั้นแล้ว จึงไม่ยินดีในลัทธิวิธีบูชาไฟ”

พระพุทธเจ้าทรงตรัสให้อุรุเวลกัสปมหาเถระแสดงฤทธิ์ โดยการเหาะ ๗ ครั้ง เพื่อยืนยันว่า ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์และเป็นพุทธสาวก เมื่อการแสดงฤทธิ์จบลงท่านก็ได้ซบศีรษะลงที่พระบาทของพระพุทธเจ้า แล้วก็กราบทูลขึ้นว่า พระองค์เป็นศาสดาของตน ตนเป็นสาวก

พระเจ้าพิมพิสารและบริษัททั้งหมดนั้น ครั้นได้ฟังได้เห็นจึงเกิดเลื่อมใส สิ้นความเคลือบแคลงสงสัย พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงแสดง อนุปุพพิกถา และ อริยสัจ ๔ ยังผลให้พระเจ้าพิมพิสาร และบริษัททั้งหมด ๑๑ นหุต ได้เกิดดวงตาเห็นธรรมบรรลุโสดาบัน ส่วนที่เหลืออีก ๑๐,๐๐๐ คนขอเป็นอุบาสก