ทัวร์ยุโรปเบเนลักซ์ 8 วัน 5 คืน ชมเทศกาลดอกทิวลิป (ช่วงวันหยุดสงกรานต์)

0
Price
Price
ชื่อ-นามสกุล*
อีเมล*
เบอร์โทรติดต่อ*
จำนวนผู้เดินทาง*
* I agree with Terms of Service and Privacy Statement.
Please agree to all the terms and conditions before proceeding to the next step
บันทึกโปรแกรมทัวร์

Adding item to wishlist requires an account

2821
Tour Details
  • โรงแรมระดับมาตรฐานสากลระดับ 4 ดาว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
  • รถโค้ชปรับอากาศมาตรฐาน พร้อมคนขับที่ชำนาญเส้นทาง
  • รายการทัวร์จัดให้แบบสบายๆ ค่อยๆ ไปทีละเมือง…ไม่เร่งรีบ
  • หัวหน้าทัวร์ที่มีประสบการณ์ มีความรับผิดชอบสูง ให้บริการ และอำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด

Itinerary

วันที่ 1กรุงเทพมหานคร - กรุงแฟรงก์เฟิร์ต (เยอรมนี)

19.30 น.       

คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกในประเทศ ชั้น 4 บริเวณเคาน์เตอร์ สายการบินคอนดอร์ (DE) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระ และบัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง

22.35 น.       

ออกเดินทางสู่ กรุงแฟรงก์เฟิร์ต โดยสายการบินคอนดอร์ (DE) โดยเที่ยวบินที่ DE2365

วันที่ 2กรุงแฟรงก์เฟิร์ต - เมืองชไตน์อัมไรน์ - เมืองซังก์ โกอาร์ - ล่องเรือแม่น้ำไรน์ - เมืองบ๊อพพาร์ด - เมืองโคเบลนซ์ - เมืองโคโลญจน์ - มหาวิหารโคโลญจน์ - โบสถ์เกรทเซนต์มาร์ติน

06.25 น.         

คณะเดินทางถึง สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต จากนั้นนำท่านผ่านพิธีการทางสนามบินและรับกระเป๋าสัมภาระ ไกด์ท้องถิ่น และคนขับรถผู้ชำนาญเส้นทาง นำท่านเดินทางสู่ เมืองชไตน์อัมไรน์ (STEIN AM RHEIN) ในสมัยกลางเมืองนี้ตั้งอยู่ในส่วนที่ดีที่สุดของแม่น้ำไรน์ ทัศนียภาพของธรรมชาติที่ยัง  ไม่ถูกทำลายและสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยคลายเสน่ห์ดึงดูดใจผู้พบเห็น อาคาร  บ้านเรือนปลูกสร้างมาแต่โบราณ โดยบางบ้านจะมีมุขหน้าต่างยื่นออกมา ผนังนอกบ้านมีการวาดภาพสีน้ำปูนเปียก FRESCO บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เอาไว้ โดยเฉพาะในเขตเมืองเก่าบริเวณศูนย์กลางเมือง คือ จัตุรัสราธอส (RATHAUSPLATZ) ตรงกลางจัตุรัสมีน้ำพุที่มีอัศวินสวมเสื้อเกราะยืนอยู่ เชิญท่านเก็บภาพบรรยากาศอันน่าประทับใจของที่นี่ได้ และเมืองนี้ยังได้รับรางวัล THE FIRST WALKER PRIZE เมื่อปี 1972 ในฐานะที่อนุรักษ์มรดกทางสถาปัตยกรรมไว้ ได้เวลาอันสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองซังก์ โกอาร์ (SANKT GOAR) เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไรน์ในประเทศเยอรมนี มีความสำคัญทาง  ประวัติศาสตร์และเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องทิวทัศน์ที่สวยงามของหุบเขาไรน์ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียน  เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก จากนั้นนำท่าน ล่องเรือแม่น้ำไรน์ ราชินีแห่งยุโรปในช่วงที่สวยที่สุดสองฟากฝั่ง ผ่านเนินเขาที่เลียงรายไปด้วยปราสาทเก่าแก่คลาสสิกบนยอดเขา และบ้านเรือนสมัยโบราณที่แสนงดงามราวกับเป็นเมืองในเทพนิยาย เก็บภาพประทับใจกันอย่างเต็มที่ แม่น้ำสายนี้ยังก่อให้เกิดเรื่องราว ตำนาน และบทเพลงต่างๆ ที่ทำให้ผู้คนหลงใหล จากนั้นเรือจะนำทุกท่านผ่าน หน้าผาลอ เรไลย์ (LORELEI ROCK) อันเป็นตำนานของหญิงสาวที่คร่าชีวิตผู้คนที่เดินทางโดยเรือผ่านแม่น้ำ สายนี้ ตลอดการเดินทางจนถึง เมืองบ๊อพพาร์ด (BOPPARD)

เที่ยง              

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย               

จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองโคเบลนซ์ (KOBLENZ) เป็นเมืองเล็กๆ ที่นับได้กว่าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมนี ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำไรน์และแม่น้ำโมเซล มีวัฒนธรรมริมแม่น้ำไรน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของเมืองได้แต่ไวน์รสเยี่ยมและเทศกาลคาร์นิวัลที่เหล่าผู้คนออกมาเฉลิมฉลองกัน สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางขึ้นเหนือสู่ เมืองโคโลญจน์ (COLOGNE) เมืองใหญ่เป็นอันดับ 4 ของ  เยอรมนีรองจากเบอร์ลิน, ฮัมบวร์ก และมิวนิก โดยเมืองโคโลญจน์แห่งนี้นับเป็นหนึ่งในเมืองที่  เก่าแก่ที่สุดของเยอรมนี ซึ่งภาษาเยอรมันเรียกว่า “เคิล์น” เป็นเมืองเก่าแก่ที่สร้างขึ้นโดยชาวโรมัน เชื่อว่าชาวไทยรู้จักเมืองนี้ดี เนื่องจากเป็นเมืองต้นกำเนิดของน้ำหอม “ออดิโคโลญจน์ 4711” สาเหตุที่ใช้ชื่อนี้ เนื่องจากในอดีตบ้านเลขที่ 4711 เป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตในขณะนั้น จึงเป็นที่มาของชื่อน้ำหอมออดิโคโลญจน์จนถึงปัจจุบัน นอกจากน้ำหอมแล้วเมืองโคโลญจน์ยังเป็นเมืองแห่งมหาวิหารยักษ์ของยุโรปอีกด้วย นั่นคือ มหาวิหารโคโลญจน์ (COLOGNE CATHEDRAL) หรือ KOLNER DOM  เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1791 แต่มีปัญหาให้ต้องหยุดพักการก่อสร้างไปบ้าง จึงใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานกว่า 600 ปี จึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยหลังการก่อสร้างเสร็จได้มีพิธีวางหลักหิน  บันทึกข้อมูลการก่อสร้างมหาวิหารโคโลญจน์เป็นศาสนสถานของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก นับเป็นวิหารที่ใหญ่และสูงที่สุดในโลกในสมัยนั้น คือ ช่วงปี ค.ศ. 1880-1884 พร้อมนำท่านแวะชม โบสถ์เกรทเซนต์มาร์ติน (GREAT ST. MARTIN CHURCH) เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกตั้งอยู่ย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำไรน์มาตั้งแต่ยุคกลาง ด้วยสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะโดดเด่น มีหอคอยสี่ทิศล้อมรอบหลังคาโบสถ์ยอดแหลมประดับด้วยไม้กางเขนที่ด้านบน โดยสามารถทุกท่านจะสามารถมองเห็นได้จากริมแม่น้ำไรน์ จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กยอดนิยมของเมืองโคโลญจน์

ค่ำ                 

รับประทานอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคาร หลังรับประทานอาหาร ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองดัสเซลคอร์ฟ (DUSSELDORF) เป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจของเยอรมนี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไรน์และเป็นศูนย์กลางธุรกิจ แฟชั่น และงานแสดงสินค้านานาชาติ เมืองมีบรรยากาศทันสมัย คมนาคมสะดวก และมีถนนช้อปปิ้งชื่อดังอย่าง KÖNIGSALLEE รวมถึงย่านเมืองเก่า (ALTSTADT)

พักค้างคืน NOVOTEL DUSSELDORF AIRPORT หรือเทียบเท่า ****

วันที่ 3เมืองดัสเซลคอร์ฟ - หมู่บ้านกังหันลม - กังหันลมเดอคัต - เมืองอัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) - ล่องเรือหลังคากระจก - โรงงานเพชร - จัตุรัสดัม

เช้า               

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านกังหันลม ซานส์ สคานส์ (ZAAN  SCHAN) เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีกังหันลมนับร้อยแห่งซึ่งชาวดัชท์ใช้กังหันลมมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ปัจจุบันกังหันลมก็เริ่มถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมมากมาย ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ได้  ถูกจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านขายของที่ระลึก และศูนย์ฝึกอบรม พร้อมนำท่านชม กังหันลมเดอคัต (WINDMILL DE KAT) กังหันลมเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 เป็นกังหันลมโรงสีเดียวในโลกที่ยังคงบดสีฝุ่น (PIGMENT MILL) เพื่อใช้ทำสีย้อมและสีทาอยู่ถึงปัจจุบัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีและวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวดัตช์ ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางต่อไปยัง เมืองอัมสเตอร์ดัม (AMSTERDAM) เมืองหลวงแห่งเนเธอร์แลนด์ ซึ่งรายล้อมไปด้วยทัศนียภาพงดงามและสถาปัตยกรรมเก่าแก่ จึงให้บรรยากาศที่แสนโรแมนติกเป็นอย่างยิ่ง

เที่ยง            

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย               

จากนั้นนำท่าน ล่องเรือหลังคากระจก ชมเมืองคูคลองที่ได้ชื่อว่าเป็น “ เวนิสแห่งยุโรปเหนือ ” ที่ชาวดัตช์วางผังเมืองขุดเป็นคูคลองล้อมรอบถึงสี่ชั้น ด้วยลำคลองกว่า 160 สาย รวมกันยาวกว่า 100 กิโลเมตร สะพานข้ามคลองถึง 1,200 สะพาน เรือล่องชมประตูกั้นน้ำ และอาคารบ้านเรือสมัยเก่าที่มี   แบบเฉพาะตัวด้วยรูปทรงหน้าแคบสูง ผสมผสานศิลปะแบบสเปน-เรอเนสซองส์งดงามมีเสน่ห์ จากนั้นนำชม โรงงานเจียระไนเพชร (COSTER DIAMONDS) ฝีมือเอกของโลกจากนักเจียระไน  ชาวดัตช์ ที่สืบทอดฝีมือกันมาเป็นเวลานาน แนะนำเพชรในรูปแบบต่างๆ และการเลือกซื้อเพชรน้ำงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก สมควรแก่เวลานำท่านเข้าชม ย่านเมืองเก่า ที่มีตึกตัวอาคารสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของเมืองที่ไม่มีใครเหมือน จากนั้นนำท่านชม จัตุรัสดัม (DAM SQUARE) ศูนย์กลางของเมือง อนุสาวรีย์วีรชนในสงครามโลกครั้งที่ 2 พระราชวังหลวง ฯลฯ  

ค่ำ              

รับประทานอาหารค่ำ ณ  ภัตตาคาร

พักค้างคืน RAMADA AMSTER AIRPORT SCHIPHOL หรือเทียบเท่า ****

วันที่ 4เมืองอัมสเตอร์ดัม - เมืองลิซเซ่ - สวนเคอเคนฮอฟ - เมืองบรูจส์ (เบลเยียม) - CITY TOUR - เมืองเกนท์ - CITY TOUR - กรุงบรัสเซลส์

เช้า              

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลิซเซ่ (LISSE) เป็นเมืองเล็ก ๆ ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในจังหวัดเซาท์ฮอลแลนด์ เมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องสวนดอกไม้ KEUKENHOF ซึ่งเป็นหนึ่งในสวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โ  ดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิที่มีทิวลิปบานสะพรั่ง LISSE ยังเป็นศูนย์กลางของการ     ปลูกดอกไม้และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สำคัญของประเทศ พร้อมนำท่านเข้าชม สวนเคอเคนฮอฟ  (KEUKENHOF) เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะ “สวนทิวลิปที่สวยที่สุดในโลก” เปิดเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ละปีมีดอกไม้บานกว่า 7 ล้านดอก โดยเฉพาะทิวลิป ไฮไลต์ คือ การจัดแสดงพันธุ์ไม้หลากสีในลวดลายสวยงามทั่วทั้งสวน

เที่ยง              

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย               

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองบรูจส์ (BRUGES) เมืองเล็กๆทางตะวันตกเฉียงเหนือของเบลเยียม ซึ่งเป็นเมืองยุคกลางที่ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป พร้อมนำท่านเที่ยวชมเมืองและ  ถ่ายภาพที่ระลึกกับ เบิร์กสแควร์ (BURG SQUARE) เป็นศูนย์กลางการบริหารเมืองบรูจส์มายาวนานหลายศตวรรษ นำท่านชม ศาลาว่าการเมืองบรูจส์ ตั้งเด่นสง่าด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ถือเป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคตะวันตกเฉียง  ใต้ของทวีปยุโรป โดยสร้างขึ้นปี ค.ศ.1376 และเสร็จในปี ค.ศ.1421 นอกจากอาคารหลังนี้จะ  มีอิทธิพลอย่างมากต่อสถาปัตยกรรมแบบกอธิกในเมืองบรูจส์เองแล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างศาลาว่าการหลายๆ แห่งในเบลเยียมไม่ว่าจะเป็น ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ ศาลาว่าการเมืองเกนต์ และศาลาว่าการเมืองเลอเวน จากนั้นนำท่าน ชมหอระฆัง (BELFRY) หรือ หอระฆัง (BELFORT) เป็นหอระฆังตั้งตระหง่านใจกลางเมืองบรูจส์ ณ จัตุรัสมาร์ก มียอดหอคอยที่ครั้งหนึ่งในอดีตเคยเป็นคลังสมบัติและคลังเอกสารของเมือง หอคอยนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและอิสรภาพของชาวบรูจส์ในช่วงยุคกลางภายในหอคอยเมืองบรูจส์เก็บระฆังไว้มากถึง 57 ใบ ซึ่งระฆังใบที่มีชื่อเสียงที่สุดมีชื่อว่า VICTORY BELL มีขนาดกว้าง 2 เมตร น้ำหนักราว 6,000 กิโลกรัม นำท่านเดินทางต่อเพื่อชม มหาวิหารพระโลหิต (BASILICA OF  THE HOLY BLOOD) เป็นโบสถ์  สมัยศตวรรษที่ 12 ในเมืองบรูจส์ที่มีมาตั้งแต่ยุคกลาง ซึ่งเป็น  ที่ตั้งของขวดแก้วที่บรรจุผ้าที่ เปื้อนเลือดที่แท้จริงของพระเยซู ซึ่งยังไม่เปิดใช้จนถึงทุกวันนี้ เที่ยวชมต่อที่ หมู่บ้านแม่ชี (BEGINHOF) เป็นชุมชนแม่ชี สตรีที่เป็นโสด หรือเป็นหม้าย ในสมัยศตวรรษ์ที่ 13 สตรีที่นี้อุทิศตนให้พระเจ้า และช่วยเหลือผู้ยากไร้ ภายในหมู่บ้านมีลักษณะเหมือนอารามที่มีโบสถ์อยู่ใจกลางหมู่บ้าน โดยกลุ่มผู้หญิงเหล่านี้จะถูกเรียกว่าเบอ แกน และพวกเขาได้พัฒนางานหัตกรรม LACE MAKING หรือการถักลายลูกไม้ ซึ่งกลายเป็นของฝากเลื่องชื่อของเบลเยียมในปัจจุบัน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเกนท์ (GHENT) เมืองท่าที่ใหญ่และมั่งคั่งที่สุดในตอนเหนือของยุโรป เป็นเมืองที่เงียบสงบและสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ นำท่านเดินชม ถนนกราสเลและโคเรน  ไล (GRASLEI AND KORENLEI) ถนนสายเก่าแก่ของเมืองเกนท์ที่เลาะขนาบแม่น้ำเลอิ (LEIE  RIVER) เป็นถนนชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองโดยมีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่สมัยยุคกลางเรียงรายอยู่สองฝั่ง นำคณะเดินทางชม มหาวิหารเซนต์บาโว (ST. BAVO’S CATHEDRAL) เป็นวิหารขนาดใหญ่ มีรูปแบบสถาปัตยกรรมภายนอกแบบนีโอกอธิกและมีห้องใต้ดินแบบโรมัน ซึ่งเป็นสถานที่เก็บรักษาคอลเล็กชั่นเครื่องประดับงานพิธีกรรมที่ปักด้วยมือและผ้า หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศ เบลเยียม จากนั้นนำท่านแวะชม ปราสาทเกรฟเวนสตีน (GRAVEENSTEEN CASTLE) เป็น  ปราสาทยุคกลางในเมืองเกนท์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1723 และเป็นที่ประทับของเคานต์แห่งฟลานเดอร์สจนถึงปี พ.ศ. 1896 ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นศาล เรือนจำ โรงกษาปณ์ และแม้แต่โรงงานฝ้าย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญของเมือง พร้อมนำท่านเดินทางต่อสู่ โบสถ์เซนต์นิโคลัส (ST. NICHOLAS CHURCH) โบสถ์สีฟ้าเทาโดดเด่นที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอธิกแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งใน “THREE TOWERS OF GHENT” ที่มีชื่อเสียงของเกนท์ โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 ในสไตล์โรมาเนสก์ และสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 13 หลังจากได้รับความเสียหายอย่างหนักจากไฟ  ไหม้ ทว่าไม่เพียงเท่านั้นความเสียหายยังทวีขึ้นอีกในศตวรรษที่ 16 เมื่อผู้นับถือลัทธิปฏิรูปโปรเตสแตนต์ได้ทำลายรูปเคารพทางศาสนา รวมถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 18 ฉะนั้นโบสถ์สวยงามที่เห็นในปัจจุบันนี้ จึงเป็นผลมาจากการบูรณะครั้งใหญ่ซึ่งเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 19 ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ ภัตตาคาร เพื่อรับประทานอาหาร

ค่ำ             

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังประทานอาหาร ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ กรุงบรัสเซลส์ (BRUSSELS) เมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งด้านการเมือง สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม เมืองนี้มีจัตุรัส GRAND PLACE อันงดงาม, รูปปั้น MANNEKEN PIS อันเป็นสัญลักษณ์ และอาหารขึ้นชื่ออย่างวาฟเฟิล ช็อกโกแลต และเบียร์

พักค้างคืน GRESHAM BELSON HOTEL หรือเทียบเท่า ****

วันที่ 5กรุงบรัสเซลส์ - CITY TOUR - กรุงลักเซมเบิร์ก (ลักเซมเบิร์ก)

เช้า               

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ อะตอมเมียม (ATOMIUM) สิ่งก่อสร้างของประเทศเบลเยี่ยม ถือกันว่าเป็น  สิ่งมหัสจรรย์อีกอย่างหนึ่ง สร้าง  ขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.1958 ในงานแสดงสินค้าโลก โดยสถาปนิกที่มีชื่อ   ว่า ANDRE WATERKYNE สร้างขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงโลกในยุคปัจจุบันที่เป็นของอะตอมในด้านของสันติ จากนั้นนำท่านเดินทางชม แมนเนเกน พิส (MANNEKEN PIS) มาจากภาษาดัตช์ แปลว่า เด็กผู้ชายกำลังยืนปัสสาวะ เป็นรูปปั้นหล่อทองแดงของเด็กชายเปลือยกายยืนปัสสาวะใส่ลงอ่าง ความสูงประมาณ 61 เซนดิเมตร ที่มีลักษณะเป็นน้ำพุขนาดเล็ก แต่ก่อนจะมาเป็นชื่อแมนเนเกน พิส เด็กคนนี้มีชื่อว่า จูเลียนสกี โดยประติมากรรมรูปลอยนี้ถูกสร้างขึ้นและตั้งไว้เป็นอนุสรณ์แห่งความกล้าหาญของหนูน้อยคนนี้ ที่พบสายชนวนระเบิดกำลังติดไฟ จึงปัสสาวะรดเพื่อดับชนวนและป้องกันเมืองจากระเบิดไว้ได้ นอกจากนี้ เมื่อถึงวันเฉลิมฉลองรูปปั้นเด็กชายนี้ บริษัทที่ผลิตเหล้าองุ่นต่างๆ จะบริจาคเหล้าองุ่นโดยทำให้เหล้าองุ่นไหลออกมาจากตัวรูปปั้นเพื่อให้ประชาชนในเมืองได้ชิม เดินทางต่อสู่ ย่านเมืองเก่า (OLD TOWN) มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีอาคารและสถาปัตยกรรมมากมาย ซึ่งบ่งบอกถึงวัฒนธรรมและสังคมที่หลากหลายของกรุงบรัสเซลส์ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พระราชวังหลวงแห่งกรุงบรัสเซลส์ (ROYAL PALACE OF BRUSSELS) เป็นสถานที่ที่กษัตริย์  เบลเยียมใช้เป็นที่ประทับทรงงานและปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ และพระราชวังแห่งนี้ก็ยังคงได้รับการใช้งานอยู่จวบจนปัจจุบัน  ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี นักท่องเที่ยวจะชื่นชมพระราชวังหลวงได้จากระยะไกลเท่านั้น แต่ในฤดูร้อนพระราชวังจะเปิดโอกาสให้คนทั่วไปเข้าชมภายในได้

เที่ยง             

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย               

สมควรแก่เวลานำท่านออกเดินทางสู่ ประเทศลักเซมเบิร์ก (LUXEMBOURG) หนึ่งในประเทศที่  เล็กที่สุดในยุโรป แต่เป็นประเทศที่มีฐานะที่ร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งเช่นกัน เนื่องจากมีอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารขนาดใหญ่ และยังเป็นประเทศที่เป็นที่ตั้งสถาบันสำคัญหลายแห่ง เช่น สหภาพยุโรป ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป

ค่ำ               

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างคืน PARC HOTEL ALVISSE หรือเทียบเท่า ****

วันที่ 6กรุงลักเซมเบิร์ก - CITY TOUR - เมืองไฮเดลเบิร์ก - ปราสาทไฮเดลเบิร์ก - พิพิธภัณฑ์ยาเยอรมนี

เช้า                

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำเที่ยวชม กรุงลักเซมเบิร์ก (LUXEMBOURG) โดยรอบตัวเมืองที่แบ่งเป็น 3 ส่วน OLD  TOWN, LOWER  TOWN, NEW TOWN นำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่า ซึ่งประกอบไปด้วย ปราสาท, กำแพงเมือง, ป้อมปราการ, โบสถ์, สถานที่ราชการ, อาคารบ้านเรือน, ร้านรวงและชีวิตชาวเมือง ให้ท่านได้เก็บภาพสวย ไว้เป็นที่ระลึก พร้อมให้ท่านได้เดินชมย่านการค้าใจกลางเมือง เลือกชมสินค้าพื้นเมือง ของที่ระลึกและอื่นๆ ตามอัธยาศัย

เที่ยง            

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย               

สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองไฮเดลเบิร์ก (HEIDELBERG) เมืองต้นตำรับของศิลปะยุคโรแมนติก และศูนย์กลางทางการศึกษาของเยอรมนี อีกทั้งยังเป็นเมืองพ ระราชสมภพของพระเจ้าอยู่หัว    อานันท์มหิดลอีกด้วย มีแม่น้ำเนคก้าร์ตัดผ่านกลางเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปราสาทไฮเดลเบิร์ก (HEIDELBERG CASTLE) ที่สร้างอยู่บนเนินเขาตัวปราสาทได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกของเมือง ใช้เวลาในการสร้างกว่า 400 ปี มีการพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่สมัยโกธิก  ศตวรรษที่ 14 จนถึงบาร็อกสไตล์ ด้านหน้าของอาคาร พิพิธภัณฑ์ยาเยอรมนี (GERMAN  APOTHECARY MUSEUM) เป็นการสร้างด้วยศิลปะผสมผสานระหว่างเรอเนสซองส์อิตาเลียน, ดัชต์ และเยอรมัน ประดับด้วยรูปปั้นของเหล่านักบุญชาวเยอรมัน และเทพเจ้าชาวโรมัน นำท่านเข้า  ชมบริเวณภายในปราสาท อันเป็นที่ตั้งของ ถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถจุไวน์ได้กว่า 220,000 ลิตร เชิญท่านทดลองชิมไวน์สดรสเลิศ และบันทึกภาพของเมืองไฮเดลเบิร์กจากระเบียงของตัวปราสาทที่สามารถมองวิวทิวทัศน์เมืองที่สวยงาม ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ ภัตตาคาร เพื่อรับประทานอาหารค่ำ

ค่ำ             

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างคืน INTERCITY HOTEL HEIDELDELBERG หรือเทียบเท่า ****

วันที่ 7เมืองไฮเดลเบิร์ก - แฟรงค์เฟิร์ต - จัตุรัสโรเมอร์ - ช้อปปิ้งถนนไซล์ - สนามบินแฟรงค์เฟิร์ต

เช้า                

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองแฟรงค์เฟิร์ต (FRANKFURT) อดีตอันยิ่งใหญ่ของการตั้งถิ่นฐานริมฝั่งแม่น้ำไรน์ ถูกบันทึกไว้เมื่อปี ค.ศ. 794 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเมืองศูนย์กลางการเดินทาง เศรษฐกิจและ  พาณิชย์สำคัญที่สุดตอนกลางของเยอรมนี นำท่านเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ โดยเริ่มต้นที่ จัตุรัสโรเมอร์   (ROMERBERG SQUARE) จากนั้นนำท่านชมบรรยากาศย่านใจกลางเมืองเก่าอันเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง ศิลปะแบบโกธิกที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1405 ตรงกันข้ามกับศาลาว่าการเมือง ท่านจะพบกับอาคารกึ่งไม้ซุงอันงดงามแบบฟาคแวร์กเฮ้าส์ที่เรียกว่า ออสไซเล่อ ที่ได้รับการก่อสร้างขึ้นมาใหม่โดยสามารถรักษารายละเอียดของอาคารดั้งเดิม ที่เคยถูกทำลายหมดสิ้นเมื่อสมัย สงครามโลกครั้งที่สองได้ทุกรายละเอียด ถ่ายภาพความสวยงามของ น้ำพุแห่งความยุติธรรม ที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่กลางลาน ชม โบสถ์เซนต์พอล และวิหารใหญ่ประจำเมือง

เที่ยง        

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย               

อิสระให้ท่านช้อปปิ้งสินค้ามากมายหลากหลายบริเวณ ย่านถนนไซล์ (ZEIL) ถนนสายช้อปปิ้งที่ยาว  ที่สุดของประเทศเยอรมนี เต็มไปด้วยรานค้า และห้างสรรพสินค้าต่างๆ มากมาย เลือกซื้อของฝาก  เป็นการส่งท้าย และอิสระให้ท่านรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย

ค่ำ               

อิสระรับประทานอาหารค่ำตามอัธยาศัย

ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต เตรียมเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

21.50 น.         

คณะทัวร์อำลา กรุงแฟรงก์เฟิร์ต เดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินคอนดอร์ เที่ยวบิน DE2362

วันที่ 8 กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)

14.10 น.       

คณะเดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ … พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม