22.30 น.
คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรสต์ (EK) เจ้าหน้าที่ วาริต้า ทราเวล คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและบัตรที่นั่ง
01.15 น.
ออกเดินทางสู่ แมดริด โดยเที่ยวบินที่ EK 385/EK 141 (01.15-04.55 น./07.35-13.25 น.) แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินโดฮา ประเทศกาตาร์ ä บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน ระหว่างการเดินทางท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ พร้อมรับการบริการอันสุดแสนประทับใจ พร้อมความบันเทิงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์นานาชาติ เพลงสากล สารคดี ช่องกีฬาต่างๆ รวมถึงการ์ตูนสำหรับคุณหนูๆ
13.25 น.
คณะเดินทางถึง สนามบินแมดริด–บาราคัส หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว รถโค้ชปรับอากาศมาตรฐานยุโรป จากนั้นนำคณะเดินทางสู่ กรุงแมดริด เมืองหลวงของประเทศสเปน มหานครอันทันสมัยล้ำยุคที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโด้มาไว้ที่นี่ และประกาศให้แมดริดขึ้นเป็นเมืองหลวงใหม่ของพระองค์ จากนั้นระหว่างปี ค.ศ. 1601-1607 เมื่อพระเจ้าฟิลลิปที่ 3 ได้ย้ายไปที่เมืองวัลลาโดลิด แมดริดก็ได้ความเป็นเมืองหลวงสืบมาจนถึงบัดนี้ และได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป นำคณะเที่ยวชมเมืองเก่าแก่นับพันปี ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียนเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นำท่านแวะถ่ายรูปที่ระลึกกับ สนามสู้วัวกระทิง (PLAZA DE TOROS) ที่ชาวสเปนนิยมชมชอบการสู้วัว เนื่องด้วยเป็นวิถีโบราณแห่งการเอนเตอร์เทนที่เร้าใจมาช้านานจนกลายเป็นฉายา ดินแดนกระทิงดุ จากนั้นนำคณะท่านเที่ยวชมสถานที่สำคัญๆ นำท่านชม และชม อนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนือ อนุสาวรีย์ดอนกิโฮเต้ และซันโซปันซา นำชมย่านเมืองเก่า ปลาซ่า มายอร์ ศูนย์กลางเมืองอันเก่าแก่ถูกสถาปนาขึ้นในปี ค.ศ. 1620 เป็นจัตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองเก่าอดีตใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เป็นที่ประกอบพิธีราชาภิเษก และงานฉลองพิธีสำคัญๆ เป็นที่ประลองฝีมือของบรรดาอัศวิน อีกทั้งยังเคยเป็นแหล่งสู้รบอย่างดุเดือดระหว่างทหารของนโปเลียนกับชาวสเปน ปัจจุบันยังคงมีบรรยากาศ และความงามสมัยศตวรรษที่ 1 แล้วเข้าสู่ ย่านปูเอต้า เดลซอล หรือ ประตูพระอาทิตย์ จัตุรัสใจกลางเมือง ซึ่งนอกจากจะเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน แล้ว ยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดิน รถเมล์ทุกสาย และยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้ามากมาย มีห้างสรรพสินค้าใหญ่อีกด้วย ถ่ายรูปคู่กับ อนุสาวรีย์หมีกับต้นมาโดรน่า สัญลักษณ์ของเมือง จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเดินชมถนนคนเดินช้อปปิ้งสินค้าหลากหลายชนิดตามร้านค้าที่มีชื่อเสียงมากมายตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (ท้องถิ่น) *เมนูข้าวผัดสเปนพร้อมชมโชว์ระบำฟลาเม็งโก้อันเลื่องชื่อของสเปน หลังมื้ออาหารนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
พักค้างคืน ณ EUROSTARS MAD TOWER หรือเทียบเท่า****
เช้า
บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำสู่ พระราชวังหลวง ของกษัตริย์ฮวนคาลอส ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส มีความสวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราช วังอื่นๆ ในทวีปยุโรป เนื่องจากแนวความคิดเปรียบเทียบความใหญ่โตของพระราชวังแวร์ซายส์ และความสวยงามของพระราชวังลูฟว์ในฝรั่งเศส พระราชวังหลวงแห่งนี้จึงถูกสร้างด้วยหินทั้งหลัง ในปี ค.ศ. 1738 ในสไตล์บาร็อค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน ประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมายถึง 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว ยังเป็นที่เก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้นรวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆ อาทิ พัดโบราณ, นาฬิกา, หนังสือ, เครื่องใช้, อาวุธ ฯลฯ จากนั้นชม อุทยานหลวง ที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาล ดอกไม้งดงามตลอดปี ได้เวลาอันสมควรนำคณะเดินทางสู่ เมืองโทเลโด้ เมืองประวัติศาสตร์ซึ่งมีความหมายว่า “เมืองป้อมน้อย” ในอดีตเป็นเมืองหลวงเก่าของสเปน และเคยถูกชาวโรมันเข้ายึดครองเมืองเมื่อ 2,200 ปีมาแล้ว ปัจจุบันอารยะธรรมของชนต่างชาติครั้งก่อนยังคงฝังแน่นคละกันอยู่ในชีวิตประจำวันของชาวเมือง ลักษณะผังเมืองโทเลโด้เป็นเอกลักษณ์ที่น่าชื่นชมที่สุดของการจัดสร้างเมืองโบราณอันสมบูรณ์แบบ ตัวเมืองรายล้อมด้วยเนินเขามากมาย ประดุจกำแพงธรรมชาติด้วยหุบผา 3 แห่งโดยมีแม่น้ำทาโคเป็นเส้นทางคมนาคม นอกจากนี้เมืองโทเลโด้เป็นใจกลางของประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ปัจจุบันได้รับรองจากยูเนสโก้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
นำคณะเที่ยวชม เมืองโทเลโด้ เมืองมรดกโลกเป็นนครที่คงความงดงามและความเป็นมาในฐานะเมืองเก่าอันเปรียบเป็นอนุสรณ์แห่งประวัติศาสตร์นั้นยังคงได้รับการยอมรับ และบันทึกเอาไว้โดยองค์การสหประชาชาติ จากนั้นนำคณะเข้าชม มหาวิหารแห่งโทเลโด้ มหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในสเปน เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1227 อันเป็นสมัยที่ศิลปะแบบกอธิกกำลังแพร่หลายอยู่ในยุโรป และเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 1493 ถือเป็นมหาวิหารสไตส์กอธิกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง และเป็นศูนย์กลางแห่งศาสนาคริสต์ในประเทศสเปนอีกด้วย ชมห้องเก็บสมบัติของบิช็อบแห่งโทเลโด้ที่เต็มไปด้วยมงกุฎ และคฑาเพชร ฯลฯ จากนั้นนำคณะเดินลัดเลาะตามตึกรามบ้านช่องเก่าแก่สมัยโรมัน ท่านจะประทับใจกับความงดงาม และความเก่าแก่ของโทเลโด้ ซึ่งเหมือนกับพิพิธภัณฑ์ทั้งเมือง นำชมโรงงานผลิตเครื่องถมของสเปนดามาสกิโน่ ที่สวยงามด้วยการนำทองและเงินมาตีเป็นเส้น แล้วตอกลงบนโลหะสีดำ เป็นงานฝีมือที่มีชื่อเสียงของโทเลโด้มาช้านาน ได้เวลานัดหมายคณะเดินทางสู่ กรุงแมดริด นำคณะแวะ ถ่ายรูปด้านหน้า สนามซานเตียโก้ เบอร์นาบิว เป็นสนามฟุตบอลเจ้าของฉายา “ราชันชุดขาว” (REAL MADRID) ที่มีชื่อเสียงในกรุงแมดริด มีเวลาให้ท่านได้ซื้อของฝากของที่ระลึกตามอัธยาศัย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังมื้ออาหารนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
พักค้างคืน ณ EUROSTARS MAD TOWER หรือเทียบเท่า****
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเซโกเบีย เป็นเมืองหลักของจังหวัดเซโกเบียในแคว้นคาสตีลและเลออองของสเปน ตั้งอยู่บริเวณจุดบรรจบระหว่างแม่น้ำเอเรสมากับแม่น้ำกลาโมเรสที่เชิงเขากวาดาร์รามา โดยขณะที่อยู่ภายใต้การปกครองของชาวโรมันและชาวมัวร์ จากนั้นนำท่านชม คลองส่งน้ำโรมัน จากนั้นนำชมเขตเมืองเก่าล้อมรอบด้วยกำแพงที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 แวะถ่ายรูปที่ระลึกกับ มหาวิหารแห่งเมืองเซโกเบีย ที่มีชื่อเสียง และ ปราสาทแห่งเซโกเบีย หรือ ปราสาทอัลกาซาร์ (คำว่าอัลกาซาร์) ในภาษาอาระบิกแปลว่าปราสาท หลายคนเรียกปราสาทแห่งนี้ว่าปราสาทแห่งเทพนิยาย เพราะความสวยสง่างามที่มองเห็นได้จากภายนอก ตั้งอยู่บนชะง่อนผาสูงที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกัน จากนั้นอิสระให้ท่านเดินเล่นเลือกซื้อของฝากของที่ระลึกกับร้านค้าต่างๆ ที่เรียงรายสองข้างทางกันตามอัธยาศัย
เที่ยง
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
บ่าย
ได้เวลาสมควรออกเดินทางสู่ ซาลามังกา เมืองหลักของจังหวัดซาลามังกา ในแคว้นคาสตีลและเลออน ทางภาคตะวันตกของประเทศสเปน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงริมแม่น้ำตอร์ จากนั้นนำท่าชม มหาวิทยาลัยซาลามังกา ที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เคยมีอาจารย์คนดังอย่างคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส มาสอนด้วยในช่วงศตวรรษที่ 16 นอกจากนั้นยังมีมหาวิหารใหญ่อยู่สองแห่งที่โด่งดังคือ มหาวิหารเก่า และ มหาวิหารใหม่ มหาวิหารเก่านั้นเป็นโบสถ์ขนาดใหญ่สไตล์กอธิกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ส่วนมหา วิหารใหม่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 16 สไตล์กอธิกผสมกับบาร็อก อันแสดงให้เห็นการเดินทางของรูปแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของการเที่ยวเมืองเก่ายุโรปอย่างหนึ่งนั่นเอง จากนั้นนำชม บ้านหอย (HOUSE OF SHELL) ตั้งอยู่ระหว่างปลาซา มายอร์กับมหาวิหารใหม่ ตึกนี้มีชื่อตามเปลือกหอยที่ประดับบนกำแพงด้านนอก หอยที่ใช้ประดับนี้เป็นตราประทับของเจ้าของเก่าคืออัศวินซานติอาโก และที่นี่ก็คือบ้านของอัศวินผู้นี้ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันได้กลายเป็นหอสมุดสาธารณะ ซึ่งว่าไปก็น่าจะเป็นหอสมุดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ตึกนี้เป็นตึกที่มีคนรู้จักมากที่สุดในฐานะตึกของเมืองซาลามังก้า ซึ่งมักจัดงานนิทรรศการหมุนเวียนเป็นประจำ จากนั้นนำท่านสู่ ปลาซา มายอร์ ศูนย์กลางของเมือง รอบ ๆ จัตุรัสนั้นเป็นถนนสายเล็กๆ อีกหลายสายที่ฉีกออกไปตามทางออกที่มีอยู่รอบด้านพลาซาทั้งหมด ทำให้ปลาซา มายอร์ เปรียบเสมือนศูนย์กลางของทุกสิ่งสรรพ เพราะมีร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหาร คาเฟ่ รวมทั้งร้านไอศกรีมตั้งอยู่ด้วย
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังมื้ออาหารนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
พักค้างคืน ณ ALAMEDA PALACE HOTEL หรือเทียบเท่า****
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอาไวโร่ เมืองท่าที่สำคัญอีกเมืองหนึ่งทางชายฝั่งทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโปรตุเกส บ้านเกิดของเจ้าขนมฝอยทอง เป็นเมืองหลวงและเมืองอุตสาหกรรมของแคว้นอาไวโร่ นอกจากนั้นยังเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโปรตุเกส และอันดับที่ 354 ของโลก และได้รับฉายาว่า “โปรตุเกสเวนิส” เนื่องจากระบบคลองและเรือที่คล้ายกับเวนิสของอิตาลี เมืองนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่สูงมาก และอัตราคนว่างงานต่ำ นำท่านเพลิดเพลินกับการเดินเล่น และชมเมืองที่มีขนาดเล็กแต่สวยงาม
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
สมควรแก่เวลาออกเดินทางต่อไปยัง ปอร์โต้ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในโปรตุเกส และเป็นหนึ่งในเมืองศูนย์กลางเก่าแก่ของยุโรป ตั้งอยู่ในภาคเหนือของโปรตุเกสที่ปากของแม่น้ำดูว์โร่ (DUERO HISZ) เป็นเมืองท่าที่มีชื่อในด้านไวน์ปอร์โต้ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำเมาชั้นดีของคนที่รักในการดื่ม เพราะมี CAVE ไวน์ของแต่ละ แบรนด์กระจายไปทั่ว ด้วยปัจจัยเหล่านี้ปอร์โต้จึงได้ถูกขึ้น ทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1996 นำท่านชมความงามของ เมืองมรดกโลกปอร์โต้ โดยเริ่มจาก ย่านจัตุรัสอเลียโดส (PRAÇA DOS LIBERDADE) เป็นจัตุรัสใจกลางเมืองปอร์โต้ที่ประกอบด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ทำการของธนาคาร, โรงแรม และศาลาว่าการเมือง (CITY HALL) จัตุรัสแห่งนี้เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ และเป็นแหล่งรวมอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของปอร์โต้ อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปบริเวณจัตุรัสอเลียโดสแห่งนี้ จากนั้นนำท่านชม สถานีรถไฟเซาเบนโต (SAO BENTO) ซึ่งเป็นอาคารสถานีรถไฟโบราณภายในมีการตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียนสี และลวดลายสีน้ำเงิน บอก เล่าเรื่องราวของชาวโปรตุเกสที่สวยงามมาก จากนั้นแวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารปอร์โต้ (Sé do Porto) หลักที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองอายุกว่าพันปี โบสถ์แห่งนี้เป็นที่จัดงานอภิเษกสมรสของกษัตริย์ JOAO ที่ 1 บิดาของเจ้าชายเฮนรี่ ผู้บุกเบิกการเดินเรืออัน ยิ่งใหญ่ของโปรตุเกสเพื่อออกแสวงดินแดนใหม่ จนโปรตุเกสมีอาณานิคมมากมายทั่วโลก และโปรตุเกสคือประเทศตะวันตกประเทศแรกที่มาติดต่อกับไทยในปี พ.ศ. 2054 โบสถ์แห่งนี้สร้างอยู่บนเนินที่สามารถ มองเห็นทิวทัศน์ของเมือง และแม่น้ำดูว์โร เป็นจุดชมวิวที่สวยอีกจุด อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังมื้ออาหารนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
พักค้างคืน ณ PALACIO HOTEL หรือเทียบเท่า****
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านสู่ท่าเรือ นำท่านลงเรือ ล่องชมความงามสองฟากฝั่งแม่น้ำดูว์โร่ ผ่านชม CAIS DA RIBEIRA เรือขนไวน์โบราณ RABELOS ที่จอดเรียงรายให้ชื่นชมความเป็นมาของเมืองนี้และแม่น้ำดูว์โร สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่รุ่งเรืองมากในสมัยที่เป็นท่าเรือโบราณและตลาดค้าขายมาตั้งแต่สองสามร้อยปีก่อน บริเวณนี้จึงได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดก จากนั้นนำท่านสู่ ย่านซานต้าคาร์ตาริน่า หลักของเมืองที่ถนนช้อปปิ้ง สตรีทมีเวลาให้ท่านเลือกซื้อ ของฝากของที่ระลึกรวมถึงสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ นอกจากนี้ภายในถนนเส้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของร้านกาแฟชื่อดัง MAJESTIC CAFÉ ซึ่งมีคนดังหลายท่านเคยมาเยือนและเป็นที่รู้จักที่สุดคือ เจเคโลลิ่งได้ใช้ร้านกาแฟนี้เป็นที่แต่งหนังสือเรื่องแฮรี่พอตเตอร์ในบางช่วงอีกด้วย
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
ได้เวลาสมควร นำท่านเดินทางสู่ เมืองโกอิมบรา ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำมอนเดโก ซึ่งสมัยถูกปกครองโดยอาณาจักรโรมันได้รับการเรียกขานว่า เอมีเนียม เป็นเมืองที่เชื่อมการค้าระหว่างชาวคริสต์ทางเหนือ และชาวมุสลิมทางใต้ จนในปี ค.ศ. 1064 กษัตริย์เฟอร์ดินัลที่ 1 แห่งลีออนได้รบชนะแขกมัวร์และปลดปล่อยเมืองโกอิมบรา นำชม มหาวิทยาลัยโกอิมบรา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ก็ถูกเปลี่ยนเป็น พระราชวังหลวง โดยกษัตริย์ คิงส์จอห์นที่ 3 ในปี ค.ศ.1537 ซึ่งยังคงศิลปะสไตล์บาร็อคที่สวยงาม อิสระให้ท่านได้เดินเล่นย่านถนนคนเดิน FERREIRA BORGES ซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินชมอาคารเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ขายของฝากของที่ระลึกจำนวนมากมาย
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังมื้ออาหารนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
พักค้างคืน ณ VILA GALE COIMBRA HOTEL หรือเทียบเท่า****
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้น ออกเดินทางสู่ แหลมโรก้า จุดตะวันตกสุดของโปรตุเกสและของทวีปยุโรป ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติซินทรา ห่างจากลิสบอนเมืองหลวงประมาณ 45 กม. ตัวแหลมจะยื่นออกไปทางตะวันตกสู่มหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นชะง่อนผาสูงประมาณ 100 เมตรเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลซึ่งทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่สูงกว่า 30 เมตร และถือได้ว่าใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ จากตรงนี้ท่านจะได้ชมความงามของมหาสมุทรแอตแลนติกอันยิ่งใหญ่ไพศาลในยามอาทิตย์อัศดง เป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก ได้เวลาเวลานัดหมายออกเดินทางสู่ กรุงลิสบอน เมืองหลวงของโปรตุเกส ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเตจู้ (TEJO) ลิสบอนเป็นเมืองที่มีประวัติยาวนานกว่า 800 ปี จึงมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และเคยประสบอุบัติเหตุแผ่นดินไหวในศตวรรษที่ 17 จึงทำให้อาคารเก่าแก่โบราณได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
ได้เวลาสมควรนำคณะเข้าสู่ จัสตุรัสรอสซิโอ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า เดิมมีชื่อว่า จัตุรัสดอม เพโดร ตามชื่อของษัตริย์ ตรงกันข้ามจัตุรัสเป็นโรงละครแห่งชาติที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก สมัยก่อนที่นี่เคยใช้เป็นศูนย์บัญชาการสอบสวนผู้กระทำผิดทางศาสนา ากนั้นนำคณะชม จัตุรัสคอมเมิร์ซ (PRACA DE COMERCIO) สถานที่ที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้คนในท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวที่มาลิสบอน เป็นที่ตั้งของพระบรมมหาราชวังจนกระทั่งสิ่งก่อสร้างถูกทำลายเสียหายอย่างหนัก ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 1755 แบบที่ก่อสร้างใหม่จะเห็นพระราชวังแห่งนี้เปลี่ยนเป็นอนุสรณ์สถานหินขนาดใหญ่ที่แสดงให้เห็นตรงบริเวณทางเข้าเมือง นำคณะเดินสำรวจ ย่านไบซา-ชีอาดู่ แหล่งช้อปปิ้งสินค้า, ร้านกาแฟ, แหล่งนัดพบของศิลปิน และนักเขียน เป็นย่านถนนคนเดิน (WALKING STREET) ที่คึกคักที่สุดของกรุงลิสบอน อิสระให้ท่านได้เลือกช้อปปิ้งสินค้านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นของแบรนด์เนมชื่อดังซื้อของฝากของที่ระลึกขนมขบเคี้ยที่วางขายเรียงรายบนสายนี้กันอย่างจุใจ ได้เวลานัดหมายนำท่านเดินทางสู่เอาท์เล็ต FREEPORT LISBOA FASHION OUTLET ซึ่งมีขนาดใหญ่ของกรุงลิสบอน อิสระให้ท่านได้เดิน เล่นเลือกซื้อสินค้ามีกว่าร้อยร้านค้า อาทิเช่น AMANI, ADIDAS, BILLABONG, BURBURY, CALVIN KLEIN, COACH, DIESEL, HUGO BOSS, LACOSTE, LEVI’S, NEW BALANCE, NIKE, ONISUKA TIGER, POLO RALPH LAUREN, SAMSONITE ฯลฯ
ค่ำ
บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังมื้ออาหารนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก
พักค้างคืน ณ ALTIS HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองลิสบอน ผ่านชมอดีตพระราชวังหลวงอายุเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโกธิกและมัวร์อย่างสวยงาม ปัจจุบันเป็นที่พำนักอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดี นำคณะชม หอคอยเบเล็ม เดิมสร้างไว้กลางน้ำเพื่อเป็นป้อมรักษาการณ์ดูแลการเดินเรือเข้าออก และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของวาสโก ดากามา และนักเดินเรือชาวโปรตุเกส เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของสถาปัตยกรรมมานูเอลไลน์ที่สวยงาม ชมทัศนียภาพของ แม่น้ำเตจู (TEJO) ที่ไหลผ่านใจกลางเมืองลิสบอน เป็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่ไพศาลราวกับทะเล และยิ่งกว่านั้นโปรตุเกสถูกโอบล้อมด้วยชายหาดยาวกว่า 170 กิโลเมตรของผืนมหาสมุทรแอตแลนติก จากนั้นบันทึกภาพกับ อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1960 เพื่อฉลองการครบ 500 ปี แห่งการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายเฮนรี่ เดอะเนวิเกเตอร์ และยกย่องนักเดินเรือสำรวจรอบโลก จากจุดนี้สามารถนำชม สะพานแขวนที่ยาวที่สุดในยุโรป ซึ่งสะพานนี้ มีชื่อว่า PONTE 25 APRIL (ซึ่งเมื่อวันที่ 25 APRIL ปี 1974 ได้เกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองมาสู่ระบอบประชาธิปไตย) จากนั้นชม วิหารเจอโรนิโม ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่วาสโก ดากามา และการเดินทางสู่อินเดียเป็นผลสำเร็จ ในปี ค.ศ. 1498 จัดเป็นผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่ามานูเอลไลน์ (MANUELINE) ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 70 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ และได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ว่าเป็น WORLD HERITAGE SITE และให้ท่านได้ลองลองชิม ขนมทาร์ตคัสตาร์ด ในร้านขนมเก่าแก่ที่ให้บริการมากว่าร้อยปีแวะชิมขนมโปรตุเกส ต้นตำรับของขนมไทย อาทิ ทองหยอด, ที่มีต้นตำรับแท้อยู่ที่โปรตุเกสและเข้าไปเผยแพร่ในกรุงศรีอยุธยาโดยท่านท้าวทองกีบม้า ถึงเวลานัดหมายนำคณะเดินทางสู่ สนามบินลิสบอน-ปอร์เตล่า เพื่อทำการ CHECK IN และทำ TAX REFUND และมีเวลาให้คณะได้ช้อปปิ้งส่งท้าย
14.155 น.
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK 192/EK 372 (14.15-01.00 น./03.00-12.15 น.) แวะพักและรอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่องตลอดเที่ยวบิน
12.15 น.
เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดี….พร้อมความประทับใจ