05.30 น.
คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ (B3) เจ้าหน้าที่ วาริต้า ทราเวล คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับท่าน
08.30น.
คณะออกเดินทางสู่เมืองคยาโดยสายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ B3707 (พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
10.00 น.
คณะเดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองพุทธคยา (เวลาช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่เข้าสู่ตัวเมืองพุทธคยา ซึ่งทอดยาวไปตามชายฝั่งของแม่น้ำเนรัญชรา เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสำคัญทางพระพุทธศาสนา
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
นำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่ของการเดินทางมาเยือนดินแดนแห่งพุทธภูมิแห่งนี้ คือ พระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ภายในท่านจะได้ชม พระแท่นวัชรอาสน์ เป็นพระแท่นจำลองขึ้นทับตรงบริเวณพระแท่นเดิมเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ณ จุดนี้ ปัจจุบันสร้างด้วยวัสดุหินทรายเป็นรูปหัวเพชรสี่เหลี่ยม กว้าง 4.10 นิ้ว 7.6 นิ้ว หนา 5 นิ้วครึ่ง ประดิษฐานอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยสร้างกำแพงแก้วทำด้วยทองคำแท้ ประดิษฐานรอบต้น จากนั้นนำท่านสักการะ พระมหาเจดีย์พุทธคยา อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์ 4 เหลี่ยม สูง 170 ฟุต วัดโดยรอบฐานได้ 121.29 เมตร ภายในประดิษฐาน พระพุทธเมตตา พระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ และนำท่านสักการะสัตตมหาสถาน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับเสวยวิมุตติสุขหลังตรัสรู้ 7 แห่งๆละ 7 วัน คือ โพธิบัลลังก์ อนิมิสเจดีย์ รัตนจงกรมเจดีย์ รัตนฆรเจดีย์ อชปาลนิโครธ (ต้นไทร) ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) และต้นราชายตนะ (ต้นเกด)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก DHAMMA GRAND HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เขาดงคสิริ ในสมัยพุทธกาลนั้นเป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญทุกรกริยาอยู่ภายในถ้ำบนเขา ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกริยาประดิษฐานอยู่ เพื่อเป็นสิ่งที่แสดงถึงสถานที่ที่สันนิษฐานว่าพระพุทธเจ้าได้บำเพ็ญทุกรกริยา เป็นระยะเวลา 6 ปี ภายหลังพระองค์ทรงทราบว่าการบำเพ็ญเพียรดังกล่าวไม่ใช่หนทางแห่งการตรัสรู้ จึงเกิดพุทธปรัชญา “ทางสายกลาง” หนทางแห่งการตรัสรู้ในที่สุด ในปัจุจุบันสถานที่บำเพ็ญทุกรกริยาแห่งนี้ รู้จักกันในชื่อ ถ้ำมหากาล อยู่ห่างจากเมืองพุทธคยาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 12 กิโลเมตร นำท่านเดินทางสู่ เมืองราชคฤห์ หรือเบญจคีรีนคร แปลว่า เมืองที่มีเขาทั้ง 5 อันได้แก่ เขาคิชกูฏ เขาปัณฑวะ เขาเวภาระ เขาอิสิคิลิ และเขาเวปุลละ ระหว่างเดินทางนำท่านแวะชม ลัฏฐิวัน หรือ สวนตาลหนุ่ม เป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่ง
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโปรดชาวแคว้นมคธเป็นครั้งแรก ซึ่งการเสด็จในครั้งนี้เป็นไปตามคำปฏิญญาเดิม ที่ทรงให้ไว้กับพระเจ้าพิมพิสารที่กราบทูลพระองค์ว่า หากได้ตรัสรู้ธรรมนั้นแล้ว ขอให้กลับมาโปรดให้พระเจ้าพิมพิสารได้ทราบด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองผ่านจุดที่เคยเป็นประตูเมืองเก่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลเป็นบริเวณ เชิงเขาปัณทวะ ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งพระเจ้าพิมพิสารได้พบกับพระพุทธเจ้าครั้งแรก นำท่านชม เรือนจำคุมขังพระเจ้าพิมพิสาร สถานที่พระเจ้าอชาตศัตรูทรงทำการปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แทนพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นบิดา โดยการยึดพระราชอำนาจของพระเจ้าพิมพิสาร และขังพระมารดาและพระบิดามาขังไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ จากนั้นนำท่านชม รอยเกวียนโบราณ ที่อยู่บริเวณหลังประตูเมืองราชคฤห์ เป็นรอยเกวียนที่ลงลึกเข้าไปในหิน ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเป็นเส้นทางที่ใช้เกวียนมาหลายชั่วอายุคน และสอดคล้องกับพงศาวดารในอดีตเกี่ยวกับ เมืองราชคฤห์ที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จากนั้นนำท่านสู่ ถ้ำโสนภัณฑาร์ หรือถ้ำคลังมหาสมบัติของพระเจ้าพิมพิสารซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงความมั่งคั่ง ร่ำรวยของกรุงราชคฤห์ที่เหนือกว่าเมืองอื่น ๆในสมัยนั้น มหาสมบัติเหล่านี้อยู่ในถ้ำหินที่เกิดจากการขุดเจาะภูเขาเวภารบรรพต ซึ่งมีอยู่ 2 ถ้ำอยู่ติดกัน เกิดจากหินก้อนเดียวกัน สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก INDO HOKKE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาคิชกูฏ สถานที่ประทับหลายพรรษาของพระพุทธเจ้า รวมถึงพรรษาสุดท้ายก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ซึ่งปรากฏหลักฐานหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติ อันประกอบไปด้วย ถ้ำพระโมคคัลลานะ ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องซ้าย ,จุดที่พระเทวทัตกลิ้งหินหวังปลงพระชนพระพุทธเจ้า ,ถ้ำสุกรขาตา (ถ้ำพระสารีบุตร) ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เป็นเอตทัคคะ ที่มีปัญญาเป็นเลิศ ,และจุดที่ถือได้ว่าสำคัญที่สุดคือ พระคันธกุฎี กุฏิที่พำนักของพระพุทธเจ้า ได้เวลาอันสมควรนำท่านชม ชีวกอัมพวันวิหาร หรือสวนมะม่วงของหมอชีวกโกมารภัจจ์ ซึ่งถวายเป็นสังฆาวาส และเป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกของโลกที่ดูแลพระภิกษุสงฆ์อาพาธ รวมไปถึงพระพุทธองค์ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อครั้งเหตุการณ์พระเทวทัตผลักก้อนหินหลัง
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองนาลันทา ชมความยิ่งใหญ่ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่เคยรุ่งเรืองโด่งดังมากที่สุดในโลก มีพระนักศึกษาจํานวน หมื่น เมื่อราว พ.ศ.1700 ได้ถูกชาวมุสลิมรุกรานสังหารพระ และเผาทําลายเสียสิ้นปัจจุบันเหลือไว้แต่ซากปรักหักพัง ปรากฏเป็นรูปฐานและผนังของอาคารยาวเหยียดในบริเวณอันกว้างขวาง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ พระโมคคัลลานา พระสารีบุตร ที่นี่ยังมีพระสถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรปรากฏอยู่ ได้เวลาสมควรนำท่านชม สถานที่เก็บวัตถุอันมีค่าเกี่ยวกับทางพระพุทธศาสนาพุทธ หลังจากนั้นนําท่านกราบนมัสการ หลวงพ่อดําศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน สร้างในสมัยพระเจ้าเทวปาล เมื่อประมาณ พ.ศ. 1353-1393 ประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศเหนือของซากปรักหักพังของมหาวิทยาลัยนาลันทา ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่รอดพ้นจากการทำลายของกองทัพมุสลิม เป็นที่เคารพศักการะของชาวพุทธเป็นอย่างมาก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก INDO HOKKE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านชม วัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือป่าไผ่ สถานที่กำเนิดวันสำคัญทางศาสนา “วันมาฆบูชา”
ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ต่อหน้าพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงบวชให้ทั้งหมด และวัดเวฬุวันมหาวิหารยังเป็นวัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ที่พระเจ้าพิม
พิสารถวายให้กับองค์พระศาสดา จากนั้นนำชม ตโปทาราม หรือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สถานที่อาบน้ำแร่ร้อนธรรมชาติเพื่อเป็นการชำระล้างบาปซึ่งมีการแบ่งเป็นห้องอาบน้ำตามความเชื่อของชาวฮินดู โดยแต่ละวรรณะจะแยกชั้นลดหลั่นกันลงมาตามวรรณะทั้งสี่ ในแต่ละวันจะมีชาวฮินดูเดินทางมาอาบน้ำเพื่อทำการชำระล้างบาปกันเป็นจำนวนมาก
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่เมืองไวสาลี ในอดีตคือแคว้นวัชชีที่ปกครองโดยกษัตริย์ลิจฉวี เป็นหนึ่งใน 16 แคว้นของชมพูทวีป ซึ่งในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์เคยมาโปรดให้ชาวเมืองได้รอดพ้นจากโรคอหิวาตกโรค ที่แม้แต่พระมหาวีระ ศาสดาแห่งศาสนาเชนไม่สามารถบำบัดโรคร้ายนี้ได้ จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ สำคัญแห่งหนึ่ง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก VAISHALI RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านสักการะ กุฎาคารศาลา วัดป่ามหาวัน ที่มีลักษณะเป็นสถูปทรงบาตรคว่ำ ซึ่งกษัตริย์ลิจฉวีทรงสร้างถวายสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ ในพรรษาที่ 5 พร้อมนำท่านชม เสาอโศก รูปสิงห์ ที่เชื่อว่ามีความสมบูรณ์ที่สุด ที่อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้หลงเหลือเพียงซากโบราณสถานที่ประกอบไปด้วยสังฆาราม ห้องพัก ห้องประชุมที่สำคัญวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ประธานพุทธานุญาตบวชพระนางปชาบดีโคตสีเป็นพระภิกษุณีรูปแรกของโลก จากนั้นนำท่านสักการะ ปาวาลเจดีย์ สถานที่พระ พุทธเจ้าทรงทำการปลงพระชนมายุสังขารในวันเพ็ญเดือนสามแห่งพรรษาสุดท้ายของพระชนมชีพ เมื่อมีพระชมมายุได้ 80 พรรษา ซึ่ง ณ เวลานั้น ทรงได้ตรัสรู้แล้วเผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนมานานถึง 45 ปีแล้ว ก็ได้ทรงตั้งพระทัยว่า “นับแต่นี้ต่อไปอีกสามเดือน ตถาคตจักดับขั นธปรินิพพาน”
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองกุสินารา เดิมในสมัยพุทธกาล เมืองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นมัลละ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงของพระพุทธองค์ ระหว่างทางนำท่านเดินทางสักการะ เกสรียาสถูป สถูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งตระหง่านระหว่างทาง หลังจากกองโบราณคดีอินเดียได้ขุดค้นเนินดินใหญ่พบพระมหาสถูปโบราณ ที่มีความเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1,400 ฟุต สูงถึง 51 ฟุต ซึ่งปัจจุบันยังมีการขุดเพื่อการศึกษาอยู่ ทำให้มหาสถูปโบราณที่ค้นพบใหม่นี้กลายเป็นมหาสถูปที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย มีลักษณะคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองและพระมหาสถูปบุโรพุทโธ ซึ่งทำให้มีผู้สันนิษฐานว่ามหาสถูปแห่งเกสริยานี้เป็นต้นแบบของมหาสถูปทั้งสอง
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก ROYAL RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน ณ ปรินิพพานสถูป เป็นที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน อนุสรณ์สถานที่สำคัญบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่อยู่ด้านหลังวิหารปรินิพพาน ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชพระราชทานพระราช-ทรัพย์100,000 รูปี ให้สร้างขึ้นคร่อมกับพระแท่นปรินิพพาน มีลักษณะเป็นทรงบาตรคว่ำสูง 65 เมตร มี ยอดฉัตร 3 ชั้น พร้อมปรากฏเสาอโศกในบริเวณใกล้เคียง และซากศาสนสถานโบราณที่อยู่รอบๆ จากนั้นนำท่านสักการะ โทณะพราหมณ์สถูป สถานที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุของโทณพราหมณ์ ภายหลังการถวาย พระเพลิงสรีระ ปัจจุบันมีลักษณะเป็นเนินดิน และมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ปรากฎในบริเวณเดียวกัน ตั้งอยู่หลังวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ได้เวลาสมควรนำท่านสักการะ มกุฏพันธนเจดีย์ เป็นสถูปโบราณที่ถูกสร้างขึ้นตรงเพื่อสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัย เดิมทีบริเวณมกุฏพันธนเจดีย์เป็นเชิงตะกอนไม้จันทน์หอมเพื่อใช้สำหรับถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราชจึงสั่งให้สร้างพระสถูปครอบพระสถูปองค์นี้
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสังเวชนียสถานแห่งเดียวที่ไม่อยู่ในประเทศอินเดีย อันเนื่องมาจาก ก่อนที่สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาประสูติ พระองค์ท่านเป็นพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ยังมิได้รับอาราธนาของทวยเทพทั้งหลายทรงพิจารณาดู “ปัญ จมหาวิโลกนะ” คือ การตรวจดูอันยิ่งใหญ่ 5 อย่าง ก่อนที่จะตัดสินพระทัยประทานปฏิญาณรับอาราธนาของเทพยดาทั้งหลาย ว่าจะจุติจากดุสิตเทวโลกไปบังเกิดในพระชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้ามี 5 อย่างที่พระบรมโพธิสัตว์เจ้าทรงเลือก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก LANDMARK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ กรุงกบิลพัสดุ์ เป็นชื่อเมืองหลวงของแคว้นสักกะ โดยแปลตามศัพท์ว่า “ที่อยู่ของกบิลดาบส” เพราะบริเวณที่ตั้งเมืองนี้ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของดาบสชื่อ กบิล พวกเจ้าศากยะได้มาจับจองตั้งเป็นเมืองขึ้น และตั้งชื่อเมืองใหม่นี้ว่ากบิลพัสดุ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ กบิลดาบส และเป็นเมืองของพระเจ้าสุทโธทนะ ผู้เป็นพระราชบิดาของเจ้าชายสิทธัตถะซึ่งต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าทรงเจริญเติบโตและประทับอยู่จนกระทั่งพระชนมายุ 29 ปี ปัจจุบันอยู่ในเขตประเทศเนปาล ติดชายแดนตอนเหนือประเทศอินเดีย ยังปรากกฎซากเมืองโบราณอยู่เป็นหลักฐานจนถึงปัจจุบัน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านชม เสาอโศกนิกลิฮ่าว่า หรือบางครั้งแรกว่า นิคลิสาคร ห่างจากกบิลพัสดุ์ไป 8 กิโลเมตร ที่นี่มีเนินโบราณและเสาอโศกที่แตกหักเป็นชิ้นๆ เสาที่นี่มีจารึกอโศก เขียนด้วยอักษรพราหมีนอกจากนั้นยังมีจารึกนกยูง 2 ตัว จากนั้นนำท่านชม ทุ่งสังหาร ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ตระกูลศากยวงศ์ อันเกิดจากความเคียดแค้นของพระเจ้าวิฑูฑภะ ได้เวลาอันสมควรนำท่านสู่ วัดนิโครธาราม ซึ่งเป็นวัดที่ พระเจ้าสุทโธทนะ ได้สร้างขึ้นถวายพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของกรุงกบิลพัสดุ์ โดยในสถานที่แห่งนี้ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ขึ้นมากมายเช่นเป็นสถานที่เจ้าชายราหุลบวชเป็นสามเณรองค์แรกของโลก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก LANDMARK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ของประเทศเนปาล นำท่านเข้าชม วิหารมายาเทวี ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งภายในวิหารจะปรากฏรูปปั้นของพระนางมายาเทวี (พระมารดาของพระพุทธเจ้า) ขณะพระองค์กำลังให้กำเนิดเจ้าชายสิทธัตถะ และ รูปรอยเท้าของเจ้าชายสิทธัตถะ ภายนอกวิหารจะปรากฏสระโบกขรณี และทางด้านตะวันตกของวิหารมายาเทวี ยังมีอนุสาวรีย์ที่แสดงถึงการมีอยู่ของสถานที่ประสูติ โดยที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราชสร้าง เสาอโศก และพบจารึกเป็นอักษรพราหมณ์ระบุว่าที่แห่งนี้คือสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางข้ามพรหมแดนเนปาลกลับสู่อินเดียอีกครั้งเพื่อเดินทางสู่เมืองสาวัตถี อีกหนึ่งเมืองที่มีความสำคัญในพุทธศาสนา ระหว่างทางแวะชม หมู่บ้านปิปราห์วา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบราณสถานเก่าแก่ ที่มีการค้นพบและสันนิษฐานว่าเป็น กรุงกบิลพัสดุ์ใหม่ ซึ่งสร้างขึ้นหลังจากเจ้าศากยวงศ์ทั้งหลายถูกสังหารและทำลายโดยพระเจ้าวิฑูทภะ ส่วนคนที่ยังเหลือรอดชีวิตอยู่ก็ได้มาสร้างวังแห่งใหม่ ณ สถานที่แห่งนี้ และสร้างสถูปพร้อมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วย ได้เวลาสมควรนำคณะเดินทางต่อไปยัง เมืองสาวัตถี
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก PLATINUM HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านสักการะ สถานที่แสดงยมกปาฏิหาริย์สถูป เป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่แม้แต่อัครสาวกไม่สามารถแสดงได้ โดยปาฏิหาริย์ที่เกิดเป็นลักษณะคู่ คือมี 2 เหตุการณ์ อันประกอบไปด้วย การปราบทิฏฐิพวกเดียรถีย์ภายใต้ต้นมะม่วงคัณฑามพฤกษ์ และการเสด็จขึ้นไปสวรรค์ชั้นที่ 2 หรือดาวดึงส์เพื่อโปรดพระนางมายาเทวี พระพุทธมารดาของพระองค์ จากนั้นนำท่านเที่ยวชม วัดเชตวันมหาวิหาร หรือสาเหต (Sahet) พระอารามหลวงขององค์พระศาสดา จำพรรษาถึง 19 พรรษา โดยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้บริจาคทรัพย์สมบัติในการสร้างมหาวิหารแห่งนี้ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งสิ้น 80 ไร่ พร้อมเยี่ยมชม สถานที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร และสักการะ อานันทโพธิ์ ต้นโพธิ์ที่ปลูกโดยพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล ต้นโพธิ์ต้นนี้ปรากฏหลักฐานจารึกของหลวงจีนฟาเหียนและ พระถังซัมจั๋งโดยต้น โพธิ์ดังกล่าวยังคงยืนต้นมาจนปัจจุบัน จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม พระมูลคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า ที่ได้รับการ ขุดค้นและปรับแต่งภูมิทัศน์เป็นอย่างดี
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
ได้เวลาสมควรนำท่านชม บ้านองคุลิมาล เป็นบุคคลสำคัญในยุคต้นแห่งพุทธศาสนา โดยเฉพาะตามพุทธประวัติพุทธฝ่ายเถรวาท เดิมนั้นเป็นโจรปล้นฆ่าคน แต่ภายหลังมีศรัทธาในพุทธศาสนา ได้กลับใจบวชเป็นพระภิกษุ และบรรลุเป็นพระอรหันต์ และชม บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ชาวสาวัตถีในสมัยพุทธกาล มีชีวิตร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า เดิมท่านมีนามว่าสุทัตตะเศรษฐี เกิดในตระกูลของสุมนะเศรษฐีผู้เป็นบิดา ท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนตกยาก ทำให้ท่านถูกเรียกจากชาวเมืองสาวัตถีว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี แปลว่า เศรษฐีผู้เป็นที่พึ่งของคนยาก ได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ นำท่านเดินทางสู่ เมืองสารนาถ ซึ่งอยู่ในเขตเมืองพาราณสีเมืองโบราณที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาล เป็นอดีตเมืองหลวงของแคว้นกาสี ศูนย์กลางด้านการศึกษาที่หลากหลายประเทศมีการส่งพระสงฆ์มาศึกษาพระธรรมวินัยในยุคปัจจุบันในสมัยพุทธกาล
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก PINNACLE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” แก่ปัญจวคีย์ทั้ง 5 และเป็นสถานที่เกิดพระรัตนตรัยครบ 3 องค์ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ นำท่านสักการะ พระมูลคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า ซึ่งสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พร้อมปรากฏเสาอโศกในพื้นที่ดังกล่าว นำท่านสักการะ ธัมเมกขสถูป เป็นสถูปที่สร้างเพื่ออุทิศแด่พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้ซึ่งเห็นธรรมเป็นท่านแรก สถูปแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมแบบเมาริยะ เป็นทรงกลมแบบบาตรคว่ำ มีความสูงจากฐาน 42 เมตร ภาย หลังจากสถูปองค์เก่าถูกทำลายได้มีการสร้างสถูปแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เมื่อปีพุทธศักราช 2337 นำท่านสักการะ กุฏิยสะเถระ เป็นสถานที่ที่พำนักของพระยสะเถระ ผู้ซึ่งมีความเบื่อหน่ายต่อทางโลกผู้ได้รับการขนานนามว่า พระอรหันต์องค์แรกที่อยู่ในเพศฆราวาส นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์สารนาถ ท่านจะได้ชมศิลปวัตถุชิ้นสำคัญสองรายการ ได้แก่ พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก และเสาหินพระเจ้าอโศกที่ยังคงสภาพสมบูรณ์มาก สภาพของวัสดุที่เป็นหินทรายแดงยังขึ้นเงาวับ ซึ่งหัวเสานี้ถูกนำมาใช้เป็นตราแผ่นดินของอินเดียในเวลาต่อมา และใช้จนถึงปัจจุบัน
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม เจาคัณฑีสถูป เป็นอนุสรณ์สถานที่พระพุทธเจ้าทรงพบกับปัญจวคีย์ทั้ง 5 เมื่อเสด็จมาโปรดหลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้เพียง 2 เดือน และสามารถทำให้อัญญาโกณฑัญญะบรรลุอรหันต์ซึ่งสถูปแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ได้เวลาสมควรนำท่านล่องเรือแม่น้ำคงคา ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และชมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำคงคา สายน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อเลี้ยงชาวอินเดียมาแต่โบราณกาล ได้เวลาสมควรนำคณะออกเดินทางสู่เมืองคยา ผ่านชมเส้นทางอันสวยงามสองข้างทางพร้อมรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก DHAMMA GRAND HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
จากนั้นนำท่านสู่ อชปาลนิโครธ สถานที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชราไปยัง “ต้นไทรอชปาลนิโครธ” หรือต้นไทรของผู้เลี้ยงแพะ และประทับอยู่ 7 วัน ขณะเสวยวิมุตติสุขอยู่ ธิดาพญามาร 3 ตน คือ นางราคะ นางอรตี และนางตัณหา ได้อาสาผู้เป็นบิดาเข้าไปประเล้าประโลมด้วยเสน่ห์กามคุณต่างๆ นานา แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาพระทัยใส่ กลับขับไล่ไปเสีย แสดงถึงบุคลิกลักษณะอันประเสริฐของผู้ชนะตนได้แล้ว จะไม่ยอมกลับเป็นผู้แพ้อีกนั่นเอง จากนั้นนำท่านชมสถูปนางสุชาดา ผู้ซึ่งถวายข้าว มธุปายาสแก่เจ้าชายสิทธัตถะก่อนการตรัสรู้ และชมสถานที่ลอยถาดทองอธิฐานที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ลิลาจัน” มาจากคำสันสกฤตว่า “ไนยรัญจนะ” แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด โดยแม่น้ำสายนี้มีความกว้างราว 1 กิโลเมตร
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม จากนั้นนำคณะเดินทางสู่สนามบิน
14.20 น.
คณะอำลาประเทศอินเดีย ออกเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ด้วยเที่ยวบิน B3706 (พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
18.50 น.
เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดี…พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม