ทัวร์แสวงบุญอินเดีย ทอดกฐินสามัคคี ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ 8 วัน

0
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ชื่อ-นามสกุล*
อีเมล*
เบอร์โทรติดต่อ*
จำนวนผู้เดินทาง*
* I agree with Terms of Service and Privacy Statement.
Please agree to all the terms and conditions before proceeding to the next step
บันทึกโปรแกรมทัวร์

Adding item to wishlist requires an account

1548
Tour Details

ทัวร์แสวงบุญอินเดีย 🇮🇳 ร่วมเดินทางสู่สังเวชนียสถาน พร้อมทอดกฐินสามัคคี ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ประเทศอินเดีย เพื่อสมทบทุนในการก่อสร้าง โรงพยาบาลกุสินารา ซึ่งเป็นศูนย์สุขภาพสำหรับพระภิกษุสงฆ์และผู้แสวงบุญในอนาคต 👩‍⚕️👨‍⚕️ 🇮🇳

⭐️ตลอดการเดินทาง ท่านจะได้รับฟังการบรรยายธรรมโดย อาจารย์อาณัติชัย เหลืองอมรรัชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านพระไตรปิฎก ถ่ายทอดเรื่องราวอันลึกซึ้งของพระพุทธศาสนา ให้ท่านได้สัมผัสพระพุทธประวัติจากสถานที่จริง
 
นำโดย ศิษย์เก่าแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 37
 
  • เดินทางโดยสายการบิน แอร์เอเชีย บินตรงสู่เมืองลัคเนา กลับเมืองพุทธคยา
  • พักโรงแรมระดับมาตรฐานทุกคืนตลอดการเดินทาง
  • บริการเสริมอาหารไทยทุกมื้อโดยพ่อครัวคนไทยเดินทางพร้อมคณะ
  • สิ่งสักการะบูชา เช่น พวงมาลัย,ดอกไม้หอม,น้ำหอม,หนังสือสวดมนต์
Itinerary

Day 1สนามบินดอนเมือง - เมืองลัคเนา

17.30 น.       

คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออก สายการบินแอร์ เอเชีย (FD)  โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับ และอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระ และเอกสารการเดินทางให้กับท่าน

20.15 น.     

ออกเดินทางสู่ เมืองลัคเนา โดยเที่ยวบินที่ FD 146

22.35 น.       

คณะเดินทางมาถึง สนามบินนานาชาติโชธารี จรัณสิงห์  – ลัคเนา (เวลาช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง) หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นำท่านเดินทางโดยรถบัสปรับอากาศสู่ เมืองลัคเนา (Lucknow) เมืองเอกของรัฐอุตตรประเทศหรือรัฐยูพี (Uttar Pradesh: UP) รัฐที่ใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ทางตอนเหนือประเทศอินเดีย ติดกับประเทศเนปาลลัคเนาถือเป็นศูนย์กลางการคมนาคม และเป็นประตูสำคัญสู่สังเวชนียสถานหลายแห่ง จากนั้นนำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก

พัก PICCADILY HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 2เมืองลัคเนา - เมืองสาวัตถี - วัดเชตวันมหาวิหาร - ยมกปาฏิหาริย์สถูป - บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี - บ้านองคุลีมาล

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองสาวัตถี ซึ่งในสมัยพุทธกาลนั้น เมืองสาวัตถีเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นโกศล และมีความสำคัญกับศาสนาพุทธอยู่มากมายเช่นกัน เนื่องจากเป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำพรรษาอยู่ถึง 24 พรรษา และเป็นเมืองที่พระองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาและแสดงธรรมแก่ภิกษุ และพุทธบริษัทให้บรรลุอมตธรรมเป็นจำนวนมาก มีพระอรหันตสาวกอยู่จำพรรษานับพันนับหมื่นองค์ มีอุบาสกอุบาสิกาก็เป็นเลิศกว่าใครในแผ่นดิน ส่วนพระราชาก็ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง

เที่ยง          

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม

 บ่าย           

จากนั้นนำท่านเดินทางไปสักการะ วัดเชตวันมหาวิหาร หรือ สาเหต (Sahet) พระอารามหลวงขององค์พระศาสดา จำพรรษาถึง 19 พรรษา โดยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้บริจาคทรัพย์สมบัติในการสร้างมหาวิหารแห่งนี้ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งสิ้น 80 ไร่ พร้อมเยี่ยมชม สถานที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร และ อานันทโพธิ์ ต้นโพธิ์ที่ปลูกโดยพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล ต้นโพธิ์ต้นนี้ปรากฏหลักฐานจารึกของ  หลวงจีนฟาเหียนและพระถังซัมจั๋ง โดยต้นโพธิ์ดังกล่าวยังคงยืนต้นมาจนปัจจุบัน นำท่านเยี่ยมชม พระมูลคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า ที่ได้รับการขุดค้นและปรับแต่งภูมิทัศน์เป็นอย่างดี จาดนั้นนำท่านเที่ยวชม สถานที่แสดงยมกปาฏิหาริย์สถูป เป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่แม้แต่อัครสาวกไม่สามารถแสดงได้ โดยปาฏิหาริย์ที่เกิดเป็นลักษณะคู่ คือมี 2 เหตุการณ์ อันประกอบไปด้วย  การปราบทิฏฐิพวกเดียรถีย์ภายใต้ต้นมะม่วงคัณฑามพฤกษ์ และการเสด็จขึ้นไปสวรรค์ชั้นที่ 2 หรือดาวดึงส์ เพื่อโปรดพร ะนาง  มายาเทวี พระพุทธมารดาของพระองค์ ได้เวลาสมควรนำท่านชม บ้านของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เดิมทีชื่อนายสุทัตตะ แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี หลังจากนั้นนำท่านชม บ้านองคุลีมาล หรือบ้านของปุโรหิต  บิดาของพระสาวกที่มีชื่อเสียงในเมืองสาวัตถี ปัจจุบันบ้านบิดาขององคุลีมาลนั้น มีลักษณะเนินสูง เป็นอาคารอิฐก่อมีโพรงเป็นช่องทางทะลุไปข้างบนได้ ด้านบนมีห้องกว้างปิดทึบสี่ด้าน ด้านซ้ายมือของด้านบนถูกเปิดโล่งถึงยอดอาคา

ค่ำ            

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย  

พัก PATTINUM HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 3เมืองสาวัตถี - เมืองกุสินารา - พิธีผ้าป่าสามัคคี ณ วัดไทยกุสินารา - ปรินิพพานสถูป - โทณะพราหมณ์สถูป - มกุฏพันธนเจดีย์

เช้า            

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของ     

จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองกุสินารา เดิมในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินารานั้นเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นมัลละ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสาลวโนทยานหรือป่าไม้สาละที่มีความสำคัญเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงของพระพุทธองค์

เที่ยง          

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม

บ่าย           

นำคณะเข้าร่วม พิธีผ้าป่าสามัคคี ณ วัดไทยกุสินารา กิจกรรมที่มีการปฏิบัติสืบเนื่องกัน เอกลักษณ์และมีความสำคัญต่อศาสนาพุทธ อันเป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมของสังคมเชื้อชาติต่าง ๆ กลายเป็นประเพณีประจำชาติและถ่ายทอดกันมาในดินแดนพุทธภูมิ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ปรินิพพานสถูป เป็นสถูปที่อยู่ด้านหลังวิหารปรินิพพาน ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชพระราชทานพระราช-ทรัพย์100,000 รูปี ให้สร้างขึ้นคร่อมกับพระแท่นปรินิพพาน มีลักษณะเป็นทรงบาตรคว่ำสูง 65 เมตร มียอดฉัตร 3 ชั้น พร้อมปรากฏเสาอโศกในบริวณใกล้เคียง จากนั้นนำท่านชม โทณะพราหมณ์สถูป สถานที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุของโทณพราหมณ์  ภายหลังการถวายพระเพลิงสรีระปัจจุบันมี   ลักษณะเป็นเนินดิน และมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ปรากฎในบริเวณเดียวกัน ตั้งอยู่หลังวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ จากนั้นนำท่านสู่ มกุฏพันธนเจดีย์ เป็นสถูปโบราณที่ถูกสร้างขึ้นตรงเพื่อสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช บริเวณด้านตะวันออกของเมืองกุสินารา หรือปัจจุบันคือรัฐอุตตรประเทศ 

ค่ำ             

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย  

พัก THE ROYAL RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 4เมืองกุสินารา - เกสรียาสถูป - เมืองไวสาลี - กุฎาคารศาลา - ปาวาลเจดีย์ - เมืองราชคฤห์

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองไวสาลี ในอดีตคือแคว้นวัชชีที่ปกครองโดยกษัตริย์ลิจฉวี เป็นหนึ่งใน 16 แคว้นของชมพูทวีป ซึ่งในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์เคยมาโปรดให้ชาวเมืองได้รอดพ้นจากโรคอหิวาตกโรค ที่แม้แต่พระมหาวีระ ศาสดาแห่งศาสนาเชนไม่สามารถบำบัดโรคร้ายนี้ได้ จึงถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง และมีสถานที่สำคัญทาง พระพุทธศาสนาปรากฏอยู่มากมาหลายที ระหว่างทางนำท่านเดินทางสักการะ เกสรียาสถูป บริเวณที่พระพุทธองค์ทรงหันกลับมาทอดพระเนตรดูเมืองไวสาลีเป็นครั้งสุดท้าย และพระราชทานบาตรให้กับพวกลิจฉวีก่อนเดินทางไปยังกุสินารา เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานสถูปแห่งนี้ถูกขุดพบเมื่อปีพุทธศักราช 2541 โดยเชื่อว่ากันว่าเป็นสถูปที่สร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช ซึ่งมีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในโลก ด้วยขนาดความสูงประมาณ 41 เมตร ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อปีพุทธศักราช 2474 จึงเหลือความสูงประมาณ 35 เมตร

เที่ยง          

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม

 บ่าย           

จากนั้นนำท่านชม กุฎาคารศาลา วัดป่ามหาวัน ที่มีลักษณะเป็นสถูปทรงบาตรคว่ำ ซึ่งกษัตริย์ลิจฉวีทรงสร้างถวายสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ ในพรรษาที่ 5 พร้อมนำท่านชม เสาอโศกรูปสิงห์ ที่อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ถือ  ได้ว่ามีความสมบูรณ์มากที่สุดในปัจจุบันโดยสถานที่แห่งนี้หลงเหลือเพียงซากโบราณสถานที่ประกอบไปด้วยสังฆาราม ห้องพัก ห้องประชุมที่สำคัญวัดแห่งนี้  เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ประธานพุทธานุญาตบวชพระนางปชาบดีโคตสีเป็นพระภิกษุณีรูปแรกของโลก จากนั้นนำชม ปาวาลเจดีย์  หรือสารีริกธาตุสถูป ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับแบ่ง 1 ใน 8 ส่วน เมื่อครั้งที่โทณพราหมณ์ได้ทำพิธีแบ่งให้กับ 8 นคร ภายหลังการถวายพระเพลิงพุทธสรีระ โดยเมื่อปีพุทธศักราช 2501 ได้มีการขุดพบผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นสถานที่สามารถระบุได้ว่าเป็นสถานที่ตั้งของแคว้นวัชชี และในสมัยพุทธกาลนั้น ยังเป็นสถานที่พระยามารได้เข้ามากราบทูลขอให้พระองค์ปลงอายุสังขารเสด็จปรินิพพาน ณ สถานที่แห่งนี้ ได้เวลาสมควรออกเดินทางสู่ เมืองราชคฤห์

ค่ำ            

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย  

พัก  INDO HOKKE HOTEL  หรือเทียบเท่าระดับ

Day 5ยอดเขาคิชกูฏ - พระคันธกุฏิ - ชีวกอัมพวันวิหาร - เมืองนาลันทา - มหาวิทยาลัยนาลันทา - พิพิธภัณฑ์นาลันทา - หลวงพ่อองค์ดํา - เมืองราชคฤห์

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

  จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาคิชกูฏ สถานที่ประทับหลายพรรษาของพระพุทธเจ้า รวมถึงพรรษาสุดท้ายก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ซึ่งปรากฏหลักฐานหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติ อันประกอบไปด้วย ถ้ำพระโมคคัลลานะ ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องซ้าย ,จุดที่พระเทวทัตกลิ้งหินหวังปลงพระชนพระพุทธเจ้า  ,ถ้ำสุกรขาตา (ถ้ำพระสารีบุตร) ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เป็นเอตทัคคะ ที่มีปัญญาเป็นเลิศ ,และจุดที่ถือได้ว่าสำคัญที่สุดคือ พระคันธกุฎี กุฏิที่พำนักของพระพุทธเจ้า ได้เวลาอันสมควรนำท่านชม ชีวกอัมพวันวิหาร หรือสวนมะม่วงของหมอชีวกโกมารภัจจ์ ซึ่งถวายเป็นสังฆาวาส และเป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกของโลกที่ดูแลพระภิกษุสงฆ์อาพาธ รวมไปถึงพระพุทธองค์ด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อครั้งเหตุการณ์พระเทวทัตผลักก้อนหินหลัง

เที่ยง           

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย           

ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองนาลันทา ชมความยิ่งใหญ่ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่เคยรุ่งเรืองโด่งดังมากที่สุดในโลก มีพระนักศึกษาจํานวน หมื่น เมื่อราว พ.ศ.1700 ได้ถูกชาวมุสลิมรุกรานสังหารพระ และเผาทําลายเสียสิ้นปัจจุบันเหลือไว้แต่ซากปรักหักพัง  ปรากฏเป็นรูปฐานและผนังของอาคารยาวเหยียดในบริเวณอันกว้างขวาง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ พระโมคคัลลานา พระสารีบุตร ที่นี่ยังมีพระสถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรปรากฏอยู่ ได้เวลาสมควรนำท่านชม พิพิธภัณฑ์นาลันทา สถานที่เก็บวัตถุอันมีค่าเกี่ยวกับทางพระพุทธศาสนา พุทธ หลังจากนั้นนําท่านกราบนมัสการ หลวงพ่อดําศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน สร้างในสมัยพระเจ้าเทวปาล เมื่อประมาณ พ.ศ. 1353-1393 ประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศเหนือของซากปรักหักพังของมหาวิทยาลัยนาลันทา ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่รอดพ้นจากการทำลายของกองทัพมุสลิม เป็นที่เคารพศักการะของชาวพุทธเป็นอย่างมาก ได้เวลาสมควรออกเดินทางกลับสู่ เมืองราชคฤห์

ค่ำ               

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  INDO HOKKE HOTEL  หรือเทียบเท่าระดับ

Day 6พุทธคยา - พิธีกฐินหลวง ณ วัดไทยพุทธคยา - อชปาลนิโครธ - สถูปนางสุชาดา - แม่น้ำเนรัญชรา

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร  ภายในโรงแรม

 จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองพุทธคยา ซึ่งทอดยาวไปตามชายฝั่งของแม่น้ำเนรัญชรา เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสำคัญทางพระพุทธศาสนา นำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่ของการเดินทางมาเยือนดินแดนแห่งพุทธภูมิ นำคณะเข้าร่วม พิธีกฐินหลวง ณ วัดไทยพุทธคยา กิจกรรมที่มีการปฏิบัติสืบเนื่องกัน เอกลักษณ์และมีความสำคัญต่อศาสนาพุทธ อันเป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมของสังคมเชื้อชาติต่าง ๆ กลายเป็นประเพณีประจำชาติและถ่ายทอดกันมาในดินแดนพุทธภูมิ

เที่ยง          

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรม

บ่าย           

จากนั้นนำท่านสู่ อชปาลนิโครธ สถานที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชราไปยัง “ต้นไทรอชปาลนิโครธ” หรือต้นไทรของผู้เลี้ยงแพะ และประทับอยู่ 7 วัน ขณะเสวยวิมุตติสุขอยู่ ธิดาพญามาร 3 ตน คือ นางราคะ นางอรตี และนางตัณหา ได้อาสาผู้เป็นบิดาเข้าไปประเล้าประโลมด้วยเสน่ห์กามคุณต่างๆ นานา แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาพระทัยใส่ กลับขับไล่ไปเสีย แสดงถึงบุคลิกลักษณะอันประเสริฐของผู้ชนะตนได้แล้ว จะไม่ยอมกลับเป็นผู้แพ้อีกนั่นเอง  จากนั้นนำท่านชมสถูปนางสุชาดา ผู้ซึ่งถวายข้าว มธุปายาสแก่เจ้าชายสิทธัตถะก่อนการตรัสรู้  และชมสถานที่ลอยถาดทองอธิฐานที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา  ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ลิลาจัน” มาจากคำสันสกฤตว่า “ไนยรัญจนะ” แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด โดยแม่น้ำสายนี้มีความกว้างราว 1 กิโลเมตร

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  DRAMMA GRAND HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ

Day 7เขาดงคสิริ - เมืองพุทธคยา - พระมหาเจดีย์พุทธคยา - พระศรีมหาโพธิ์ - พระพุทธเมตตา - สัตตมหาสถาน

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เขาดงคสิริ สถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญทุกรกิริยาอยู่ภายในถ้ำบนเขาเพื่อเป็นสิ่งที่แสดงถึงพระพุทธเจ้าได้บำเพ็ญทุกรกริยา เป็นระยะเวลา 6 ปี ภายหลังพระองค์ทรงทราบว่าการบำเพ็ญเพียรดังกล่าวไม่ใช่หนทางแห่งการตรัสรู้ จึงเกิดพุทธปรัชญา “ทางสายกลาง” หนทางแห่งการตรัสรู้ในที่สุด ในปัจุจุบันสถานที่บำเพ็  ญ ทุกรกริยาแห่งนี้ รู้จักกันในชื่อ ถ้ำมหากาล จนได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองพุทธคยา

บ่าย           

นำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่ของการเดินทางมาเยือนดินแดนแห่งพุทธภูมิแห่งนี้ คือ พระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ภายในท่านจะได้ชม พระแท่นวัชรอาสน์ เป็นพระแท่น   จำลองขึ้นทับตรงบริเวณพระแท่นเดิมเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ณ จุดนี้  ปัจจุบันสร้างด้วยวัสดุหินทรายเป็นรูปหัวเพชรสี่เหลี่ยม กว้าง 4.10 นิ้ว 7.6 นิ้ว หนา 5 นิ้วครึ่ง ประดิษฐานอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยสร้างกำแพงแก้วทำด้วยทองคำแท้ ประดิษฐานรอบต้น จากนั้นนำท่านสักการะ พระมหาเจดีย์พุทธคยา อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้  ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์ 4 เหลี่ยม สูง 170 ฟุต วัด  โดยรอบฐานได้ 121.29 เมตร ภายในประดิษฐาน พระพุทธเมตตา พระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ และนำท่านสักการะสัตตมหาสถาน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับเสวย วิมุตติสุขหลังตรัสรู้ 7 แห่งๆละ 7 วัน คือ โพธิบัลลังก์  อนิมิสเจดีย์  รัตนจงกรมเจดีย์  รัตนฆรเจดีย์  อชปาลนิโครธ (ต้นไทร)  ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก)  และต้นราชายตนะ (ต้นเกด)

ค่ำ              

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  DRAMMA GRAND HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ

Day 8เมืองพุทธคยา - กรุงเทพฯ (สนามบินดอนเมือง)

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม ได้เวลาสมควรนำคณะเดินทางสู่สนามบิน

11.30 น.       

คณะอำลาประเทศอินเดีย ออกเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ด้วยเที่ยวบิน FD123

15.55 น.          

เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง ด้วยความสวัสดี…พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

Photos