ทัวร์แสวงบุญอินเดีย-เนปาล สี่สังเวชนียสถาน 2568

0
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ชื่อ-นามสกุล*
อีเมล*
เบอร์โทรติดต่อ*
จำนวนผู้เดินทาง*
* I agree with Terms of Service and Privacy Statement.
Please agree to all the terms and conditions before proceeding to the next step
บันทึกโปรแกรมทัวร์

Adding item to wishlist requires an account

1281
Tour Details
ทัวร์แสวงบุญอินเดีย – เนปาล ครั้งหนึ่งได้สักการะสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในพระพุทธประวัติ เยือนสี่สังเวชนียสถาน ศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธจากทั่วโลก มีพระวิทยากรประจำกรุ๊ปให้ความรู้ในแต่ละสถานที่ รวมทั้งนำสวดมนต์ไหว้พระตลอดทริป เดินทางสะดวกสบายโดยสายการบินแอร์เอเชีย บินตรงพุทธคยา
 
  • มีพระวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คอยบรรยายธรรมตลอดการเดินทาง
  • เดินทางโดยสายการบินแอร์เอเชีย ตรงสู่เมืองพุทธคยา
  • พักโรงแรมระดับมาตรฐานทุกคืนตลอดการเดินทาง
  • บริการเสริมอาหารไทยทุกมื้อโดยพ่อครัวคนไทยเดินทางพร้อมคณะ
  • สิ่งสักการะบูชา เช่น พวงมาลัย,ดอกไม้หอม,น้ำหอม,หนังสือสวดมนต์
Itinerary

Day 1กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) - เมืองพุทธคยา - พระมหาเจดีย์พุทธคยา - 7 สัตตมหาสถาน

05.30 น.   

คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์สายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ (B3)  เจ้าหน้าที่ วาริต้า ทราเวล คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับท่าน

08.30น. 

คณะออกเดินทางสู่เมืองคยาโดยสายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ B3707 (พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

10.00 น.  

คณะเดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองพุทธคยา (เวลาช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางสู่เข้าสู่ตัวเมืองพุทธคยา ซึ่งทอดยาวไปตามชายฝั่งของแม่น้ำเนรัญชรา เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสำคัญทางพระพุทธศาสนา

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย         

นำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน ณ มหาเจดีย์พุทธคยา อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์ 4 เหลี่ยม สูง 170 ฟุต วัดโดยรอบฐานได้ 121.29  เมตร ภายในประดิษฐาน พระพุทธเมตตา พระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ ได้เวลาสมควรนำท่านสักการะสัตตมหาสถาน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับเสวยวิมุตติสุขหลังตรัสรู้ 7 แห่งๆละ 7 วัน คือ โพธิบัลลังก์  อนิมิสเจดีย์  รัตนจงกรมเจดีย์  รัตนฆรเจดีย์  อชปาลนิโครธ (ต้นไทร)  ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก)  และต้นราชายตนะ (ต้นเกด) และการสักการะ พระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ภายในท่านจะได้ชม พระแท่นวัชรอาสน์ เป็นพระแท่นจำลองขึ้นทับตรงบริเวณพระ  แท่นเดิมเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ณ จุดนี้  ปัจจุบันสร้างด้วยวัสดุหินทรายเป็นรูปหัวเพชรสี่เหลี่ยม กว้าง 4.10 นิ้ว 7.6 นิ้ว หนา 5 นิ้วครึ่ง ประดิษฐานอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยสร้างกำแพงแก้วทำด้วยทองคำแท้ ประดิษฐานรอบต้น

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  DHAMMA GRAND HOTEL  หรือเทียบเท่าระดับ

Day 2เมืองราชคฤห์ - ยอดเขาคิชกูฏ - พระคันธกุฏิ - วัดเวฬุวันมหาวิหาร – เมืองนาลันทา - มหาวิทยาลัยนาลันทา - หลวงพ่อองค์ดํา - เมืองปัตนะ

เช้า           

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองราชคฤห์ หรือเบญจคีรีนคร แปลว่า เมืองที่มีเขาทั้ง 5 อันได้แก่ เขาคิชกูฏ เขาปัณฑวะ เขาเวภาระ เขาอิสิคิลิ และเขาเวปุลละ นำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาคิชกูฏ สถานที่ประทับหลายพรรษาของพระพุทธเจ้า รวมถึงพรรษาสุดท้ายก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ซึ่งปรากฏ  หลักฐานหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติ อันประกอบไปด้วย ถ้ำพระโมคคัลลานะ ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องซ้าย ,จุดที่พระเทวทัตกลิ้งหินหวังปลงพระชนพระพุทธเจ้า  ,ถ้ำสุกรขาตา (ถ้ำพระสารีบุตร) ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เป็นเอตทัคคะ ที่มีปัญญาเป็นเลิศ ,และจุดที่ถือได้ว่าสำคัญที่สุดคือ พระคันธกุฎี กุฏิที่พำนักของพระพุทธเจ้า จากนั้นนำท่านชม วัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือป่าไผ่ สถานที่กำเนิดวันสำคัญทางศาสนา “วันมาฆบูชา” ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ต่อหน้าพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงบวชให้ทั้งหมด และวัดเวฬุวันมหาวิหารยังเป็นวัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ที่พระเจ้าพิมพิสารถวายให้กับองค์พระศาสดา

เที่ยง       

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย         

ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองนาลันทา ชมความยิ่งใหญ่ มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่เคยรุ่งเรืองโด่งดังมากที่สุดในโลก มีพระนักศึกษาจํานวน หมื่น เมื่อราว พ.ศ.1700 ได้ถูกชาวมุสลิมรุกรานสังหารพระ และเผาทําลายเสียสิ้นปัจจุบันเหลือไว้แต่ซากปรักหักพัง  ปรากฏเป็น  รูปฐานและผนังของอาคารยาวเหยียดในบริเวณอันกว้างขวาง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ พระโมคคัลลานา พระสารีบุตร ที่นี่ยังมีพระสถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรปรากฏอยู่ หลังจากนั้นนําท่านกราบนมัสการ หลวงพ่อองค์ดําศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน สร้างในสมัยพระเจ้าเทวปาล เมื่อประมาณ พ.ศ. 1353-1393 ประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศเหนือของซากปรักหักพังของมหาวิทยาลัยนาลันทา ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่รอด  พ้นจากการทำลายของกองทัพมุสลิม เป็นที่เคารพศักการะของชาวพุทธเป็นอย่างมาก จากนั้นออกเดินทางสู่เมืองปัตนะ เป็นเมืองหลวงของรัฐพิหาร รัฐหนึ่งในประเทศอินเดีย

 ค่ำ         

รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  PANNACHE HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ

Day 3เมืองไวสาลี - ปาวาลเจดีย์ - วัดป่ามหาวัน (กุฎาคารศาลา) - เสาอโศก - เมืองกุสินารา - เกสรียาสถูป

เช้า           

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

จากนำท่านเดินทางสู่เมืองไวสาลี ในอดีตคือแคว้นวัชชีที่ปกครองโดยกษัตริย์ลิจฉวี เป็นหนึ่งใน 16 แคว้นของชมพูทวีป ซึ่งในสมัยพุทธกาลพระพุทธองค์เคยมาโปรดให้ชาวเมืองได้รอดพ้นจากโรคอหิวาตกโรค ที่แม้แต่พระมหาวีระ ศาสดาแห่งศาสนาเชนไม่สามารถบำบัดโรคร้ายนี้ได้ จึงถือได้ว่า  เป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ สำคัญแห่งหนึ่ง จากนั้นนำท่านสักการะ ปาวาลเจดีย์ สถานที่พระพุทธเจ้าทรงทำการปลงพระชนมายุสังขารในวันเพ็ญเดือนสามแห่งพรรษาสุดท้ายของพระชนมชีพ  เมื่อมีพระชมมายุได้ 80 พรรษา ซึ่ง ณ เวลานั้น ทรงได้ตรัสรู้แล้วเผยแพร่พระธรรมคำสั่งสอนมานานถึง 45 ปีแล้ว ก็ได้ทรงตั้งพระทัยว่า “นับแต่นี้ต่อไปอีกสามเดือน ตถาคตจักดับขันธปรินิพพาน”

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย         

จากนั้นนำท่านสักการะ กุฎาคารศาลา วัดป่ามหาวัน ที่มีลักษณะเป็นสถูปทรงบาตรคว่ำ ซึ่งกษัตริย์ลิจฉวีทรงสร้างถวายสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธองค์ทรงประทับจำพรรษา ณ สถานที่แห่งนี้ ในพรรษาที่ 5 พร้อมนำท่านชม เสาอโศก รูปสิงห์ที่เชื่อว่ามีความสมบูรณ์ที่สุด ที่อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้หลงเหลือเพียงซากโบราณสถานที่ประกอบไปด้วยสังฆาราม ห้องพัก ห้องประชุมที่สำคัญวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ประธานพุทธานุญาตบวชพระนางปชาบดีโคตสีเป็นพระภิกษุณีรูปแรกของโลก ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองกุสินารา เดิมในสมัยพุทธกาล เมืองแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นมัลละ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละสถานที่ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและเป็นสถานที่ถวายพระเพลิงของพระพุทธองค์ ระหว่างทางนำท่านเดินทางสักการะ เกสรียาสถูป สถูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดตั้งตระหง่านระหว่างทาง หลังจากกองโบราณคดีอินเดียได้ขุดค้นเนินดินใหญ่พบพระมหาสถูปโบราณ ที่มีความเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 1,400 ฟุต สูงถึง 51 ฟุต ซึ่ง  ปัจจุบันยังมีการขุดเพื่อการศึกษาอยู่ ทำให้มหาสถูปโบราณที่ค้นพบใหม่นี้กลายเป็นมหาสถูปที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย มีลักษณะคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองและพระมหาสถูปบุโรพุทโธ ซึ่งทำให้มีผู้สันนิษฐานว่ามหาสถูปแห่งเกสริยานี้เป็นต้นแบบของมหาสถูปทั้งสอง

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก ROYAL RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ

Day 4เมืองกุสินารา - ปรินิพพานสถูป - โทณะพราหมณ์สถูป - มกุฏพันธนเจดีย์ - เมืองลุมพินี (เนปาล)

เช้า         

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

จากนั้นนำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน ปรินิพพานสถูป เป็นที่ตั้งของ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน อนุสรณ์สถานที่สำคัญบรรจุพระ  บรมสารีริกธาตุ ที่อยู่ด้านหลังวิหารปรินิพพาน ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชพระราชทานพระราช-ทรัพย์100,000 รูปี ให้สร้างขึ้นคร่อมกับพระแท่นปรินิพพาน มีลักษณะเป็นทรงบาตรคว่ำสูง 65 เมตร มี  ยอดฉัตร 3 ชั้น พร้อมปรากฏเสาอโศกในบริวณใกล้เคียง และซากศาสนสถานโบราณที่อยู่รอบๆ จากนั้นนำท่านสักการะ โทณะพราหมณ์สถูป สถานที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุของโทณพราหมณ์  ภายหลังการถวาย พระเพลิงสรีระ ปัจจุบันมีลักษณะเป็นเนินดิน และมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ปรากฎในบริเวณเดียวกัน ตั้งอยู่หลังวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ได้เวลาสมควรนำท่านสักการะ มกุฏพันธนเจดีย์  เป็นสถูปโบราณที่ถูกสร้างขึ้นตรงเพื่อสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัย  เดิมทีบริเวณมกุฏพันธนเจดีย์เป็นเชิงตะกอนไม้จันทน์หอมเพื่อใช้สำหรับถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราชจึงสั่งให้สร้างพระสถูปครอบพระสถูปองค์นี้

เที่ยง       

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย         

ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นสังเวชนียสถานแห่งเดียวที่ไม่อยู่ในประเทศอินเดีย อันเนื่องมาจาก ก่อนที่สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จมาประสูติ พระองค์ท่านเป็นพระบรมโพธิสัตว์เจ้า ยังมิได้รับอาราธนาของทวยเทพทั้งหลายทรงพิจารณาดู “ปัญ  จมหาวิโลกนะ” คือ การตรวจดูอันยิ่งใหญ่ 5 อย่าง ก่อนที่จะตัดสินพระทัยประทานปฏิญาณรับอาราธนาของเทพยดาทั้งหลาย ว่าจะจุติจากดุสิตเทวโลกไปบังเกิดในพระชาติสุดท้ายที่จะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้ามี 5 อย่างที่พระบรมโพธิสัตว์เจ้าทรงเลือก

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก LANDMARK HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ

Day 5สวนลุมพินีวัน - วิหารมายาเทวี - เสาอโศก - เมืองลุมพินี (เนปาล) – เมืองสาวัตถี (อินเดีย)

เช้า           

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

จากนั้นนำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอไภรวา แคว้นอูธ ของประเทศเนปาล นำท่านเข้าชม วิหารมายาเทวี ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งภายในวิหารจะปรากฏรูปปั้นของพระนางมายาเทวี (พระมารดาของพระพุทธเจ้า) ขณะพระองค์กำลังให้กำเนิดเจ้าชายสิทธัตถะ และ รูปรอยเท้าของเจ้าชายสิทธัตถะ ภายนอกวิหารจะปรากฏสระโบกขรณี และทางด้านตะวันตกของวิหารมายาเทวี ยังมีอนุสาวรีย์ที่แสดงถึงการมีอยู่ของสถานที่ประสูติ โดยที่สร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราชสร้าง เสาอโศก และพบจารึกเป็นอักษรพราหมณ์ระบุว่าที่แห่งนี้คือสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ

เที่ยง   

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย    

ได้เวลาสมควรนำคณะเดินทางต่อไปยัง เมืองสาวัตถี ซึ่งในสมัยพุทธกาลนั้น เมืองสาวัตถีเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นโกศล และมีความสำคัญกับศาสนาพุทธอยู่มากมายเช่นกัน เนื่องจากเป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำพรรษาอยู่ถึง 24 พรรษา และเป็นเมืองที่พระองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาและแสดงธรรมแก่ภิกษุและพุทธบริษัทให้บรรลุอมตธรรมเป็นจำนวนมาก มีพระอรหันตสาวกอยู่จำพรรษานับพันนับหมื่นองค์ มีอุบาสกอุบาสิกาก็เป็นเลิศกว่าใครในแผ่นดิน ส่วนพระราชาก็ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  PLATINUM HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ

Day 6เมืองสาวัตถี - ยมกปาฏิหาริย์สถูป - วัดเชตวันมหาวิหาร - พระมูลคันธกุฎี - อานันทโพธิ์ - บ้านองคุลิมาล - บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี - เมืองพาราณสี

เช้า         

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

จากนั้นนำท่านสักการะ สถานที่แสดงยมกปาฏิหาริย์สถูป เป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แสดงปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ที่แม้แต่อัครสาวกไม่สามารถแสดงได้ โดยปาฏิหาริย์ที่เกิดเป็นลักษณะคู่ คือมี 2 เหตุการณ์ อันประกอบไปด้วย  การปราบทิฏฐิพวกเดียรถีย์ภายใต้ต้นมะม่วงคัณฑามพฤกษ์ และการเสด็จขึ้นไปสวรรค์ชั้นที่ 2 หรือดาวดึงส์เพื่อโปรดพระนางมายาเทวี พระพุทธมารดาของพระองค์ จากนั้นนำท่านเที่ยวชม วัดเชตวันมหาวิหาร หรือสาเหต (Sahet) พระอารามหลวงขององค์พระศาสดา จำพรรษาถึง 19 พรรษา โดยท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีผู้บริจาคทรัพย์สมบัติในการสร้างมหาวิหารแห่งนี้ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งสิ้น 80 ไร่ พร้อมเยี่ยมชม สถานที่พระเทวทัตถูกแผ่นดินสูบ ซึ่งอยู่บริเวณด้านหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร และสักการะ อานันทโพธิ์ ต้นโพธิ์ที่ปลูกโดยพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล ต้นโพธิ์ต้นนี้ปรากฏหลักฐานจารึกของหลวงจีนฟาเหียนและ พระถังซัมจั๋งโดยต้น  โพธิ์ดังกล่าวยังคงยืนต้นมาจนปัจจุบัน จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม พระมูลคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า ที่ได้รับการ ขุดค้นและปรับแต่งภูมิทัศน์เป็นอย่างดี

เที่ยง       

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย         

ได้เวลาสมควรนำท่านชม บ้านองคุลิมาล เป็นบุคคลสำคัญในยุคต้นแห่งพุทธศาสนา โดยเฉพาะตามพุทธประวัติพุทธฝ่ายเถรวาท เดิมนั้นเป็นโจรปล้นฆ่าคน แต่ภายหลังมีศรัทธาในพุทธศาสนา ได้กลับใจบวชเป็นพระภิกษุ และบรรลุเป็นพระอรหันต์ และชม บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ชาวสาวัตถีในสมัย  พุทธกาล มีชีวิตร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า เดิมท่านมีนามว่าสุทัตตะเศรษฐี เกิดในตระกูลของสุมนะเศรษฐีผู้เป็นบิดา ท่านเป็นเศรษฐีที่ใจบุญ ชอบช่วยเหลือคนตกยาก ทำให้ท่านถูกเรียกจากชาวเมืองสาวัตถีว่า อนาถบิณฑิกเศรษฐี แปลว่า เศรษฐีผู้เป็นที่พึ่งของคนยาก ได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ นำท่านเดินทางสู่ เมืองสารนาถ ซึ่งอยู่ในเขตเมืองพาราณสีเมืองโบราณที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยพุทธกาล เป็นอดีตเมืองหลวงของแคว้นกาสี ศูนย์กลางด้านการศึกษาที่หลากหลายประเทศมีการส่งพระสงฆ์มาศึกษาพระธรรมวินัยในยุคปัจจุบันในสมัยพุทธกาล

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  PINNACLE HOTEL  หรือเทียบเท่าระดับ

Day 7ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน - มูลคันธกุฎี - ธัมเมกขสถูป - กุฏิยสะเถร - เจาคัณฑีสถูป - ล่องเรือแม่น้ำคงคา - เมืองพาราณสี - เมืองพุทธคยา

เช้า       

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

จากนั้นนำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่สังเวชนียสถาน ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน อันเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” แก่ปัญจวคีย์ทั้ง 5 และเป็นสถานที่เกิดพระรัตนตรัยครบ 3 องค์ คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ นำท่านสักการะ พระมูลคันธกุฎี กุฏิของพระพุทธเจ้า ซึ่งสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอโศกมหาราช พร้อมปรากฏเสาอโศกในพื้นที่ดังกล่าว นำท่านสักการะ ธัมเมกขสถูป เป็นสถูปที่สร้างเพื่ออุทิศแด่พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้ซึ่งเห็นธรรมเป็นท่านแรก สถูปแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมแบบเมาริยะ เป็นทรงกลมแบบบาตรคว่ำ มีความสูงจากฐาน 42 เมตร ภาย หลังจากสถูปองค์เก่าถูกทำลายได้มีการสร้างสถูปแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ เมื่อปีพุทธศักราช 2337  นำท่านสักการะ กุฏิยสะเถระ เป็นสถานที่ที่พำนักของพระยสะเถระ ผู้ซึ่งมีความเบื่อหน่ายต่อทางโลกผู้ได้รับการขนานนามว่า พระอรหันต์องค์แรกที่อยู่ในเพศฆราวาส

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

บ่าย         

จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม เจาคัณฑีสถูป เป็นอนุสรณ์สถานที่พระพุทธเจ้าทรงพบกับปัญจวคีย์ทั้ง 5 เมื่อเสด็จมาโปรดหลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้เพียง 2 เดือน และสามารถทำให้อัญญาโกณฑัญญะบรรลุอรหันต์ซึ่งสถูปแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ได้เวลาสมควรนำท่านล่องเรือแม่น้ำคงคา ชมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และชมพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำคงคา สายน้ำอันศักดิ์สิทธิ์  ที่หล่อเลี้ยงชาวอินเดียมาแต่โบราณกาล ได้เวลาสมควรนำคณะออกเดินทางสู่เมืองคยา ผ่านชมเส้นทางอันสวยงามสองข้างทางพร้อมรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ

ค่ำ           

รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก  DHAMMA GRAND HOTEL  หรือเทียบเท่าระดับ

Day 8อปาลนิโครธ - สถูปนางสุชาดา - แม่น้ำเนรัญชรา - เมืองพุทธคยา - กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)

เช้า         

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

จากนั้นนำท่านสู่ อชปาลนิโครธ สถานที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชราไปยัง “ต้นไทรอชปาลนิโครธ” หรือต้นไทรของผู้เลี้ยงแพะ และประทับอยู่ 7 วัน ขณะเสวยวิมุตติสุขอยู่ ธิดาพญามาร 3 ตน คือ นางราคะ นางอรตี และนางตัณหา ได้อาสาผู้เป็นบิดาเข้าไปประเล้าประโลมด้วยเสน่ห์กามคุณต่างๆ นานา แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาพระทัยใส่ กลับขับไล่ไปเสีย แสดงถึงบุคลิกลักษณะอันประเสริฐของผู้ชนะตนได้แล้ว จะไม่ยอมกลับเป็นผู้แพ้อีกนั่นเอง  จากนั้นนำท่านชมสถูปนางสุชาดา ผู้ซึ่งถวายข้าว มธุปายาสแก่เจ้าชายสิทธัตถะก่อนการตรัสรู้  และชมสถานที่ลอยถาดทองอธิฐานที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา  ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ลิลาจัน” มาจากคำสันสกฤตว่า “ไนยรัญจนะ” แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด โดยแม่น้ำสายนี้มีความกว้างราว 1 กิโลเมตร

เที่ยง       

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม จากนั้นนำคณะเดินทางสู่สนามบิน

14.20 น.   

คณะอำลาประเทศอินเดีย ออกเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ด้วยเที่ยวบิน B3706 (พร้อมบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)

18.50 น.     

เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความสวัสดี…พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม

Photos