เดลลี-อชันต้า-เอลโลร่า-มุมไบ 5 วัน 4 คืน

0
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ชื่อ-นามสกุล*
อีเมล*
เบอร์โทรติดต่อ*
จำนวนผู้เดินทาง*
* I agree with Terms of Service and Privacy Statement.
Please agree to all the terms and conditions before proceeding to the next step
บันทึกโปรแกรมทัวร์

Adding item to wishlist requires an account

908

เดลลี-อชันต้า-เอลโลร่า-มุมไบ 5 วัน 4 คืน

เยือนดินแดนแห่งศรัทรา มหัศจรรย์ถ้ำมรดกโลก ถ้ำอชันต้า ถ้าที่เก่าแก่ที่สุด และ ถ้ำเอลโลร่า พลังแห่งศรัทราของ 3 ศาสนามารวมกัน

สายการบิน

สายการบินอินดิโก้ (6E)

โรงแรม

มาตรฐานระดับ 4* พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

อาหาร

บริการอาหารภายในโรงแรมและที่ร้านอาหารในบางมื้อ พร้อมมีเมนูอาหารไทยเสริมบางมื้อ

พาหนะ

เดินทางด้วยรถปรับอากาศพร้อมคนขับผู้ชำนาญเส้นทาง

หัวหน้าทัวร์

หัวหน้าทัวร์ไทย มีประสบการณ์ในเส้นทางอินเดียให้บริการและอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง ไกด์ท้องถิ่น มีประสบการณ์ในในเส้นทางอินเดีย อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
Itinerary

Day 1กรุงเทพฯ - สนามบินสุวรรณภูมิ - เมืองออรังกาบัด

08.30 น.     

พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณชั้น 4 บริเวณเคาน์เตอร์สายการบินอินดิโก้ (6E) เจ้าหน้าที่ วาริต้า ทราเวล คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับท่าน

10.30 น.     

คณะออกเดินทางสู่เมืองออรังกาบัด ด้วยเที่ยวบินที่ 6E1068/6E7159 (1030-1230/1920-2045) แวะผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และรอเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินไฮเดอราบาด ประเทศอินเดีย

20.45 น.    

คณะเดินทางถึง เมืองออรังกาบัด จากนั้นนำคณะสู่ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก

ค่ำ             

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก THE FERN RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 2ออรังกาบัด - บิบิ กา มัคบาร่า - ถ้ำอชันตา - ป้อมเดาลาตาบัด

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก

หลังอาหารเช้านำท่านเดินทางสู่ บิบิ กา มัคบาร่า (Bibi Ka Maqbara) หรือ ทัชมาฮาลน้อยเพราะมีลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายทัชมาฮาล สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก โดยพระโอรสของออรังเซบ ทรงสร้างเพื่อรำลึกถึงพระมารดา  ได้เวลาสมควรออกเดินทางสู่ ถ้ำอชันตา วัดถ้ำในพุทธศาสนาที่งดงามและเก่าแก่ที่สุดในโลก สร้างเมื่อ พ.ศ.350 โดยพระภิกษุในสมัยนั้นได้ค้นพบสถานที่แห่งนี้ เห็นว่าเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรมกรรมฐานเป็นอย่างยิ่ง จึงได้เจาะภูเขาเพื่อสร้างเป็นกุฏิ โบสถ์ วิหาร  ฯลฯ เพื่ออาศัยอยู่อย่างสันโดษ เนื่องจากเป็นสถานที่ห่างไกลผู้คน ทำให้ประวัติศาสตร์หน้าต่อมาของ ศาสนาพุทธในอินเดีย ได้ปรากฏขึ้นในหมู่ถ้ำบริเวณฝั่งตะวันตกของที่ราบสูงเดกกัน เมืองออรังกาบาด รัฐมหาราษฎร์ แห่งนี้

เที่ยง         

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่านเข้าสู่ภายใน ถ้ำอชันตา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.1983 ความงดงามและอลังการของสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นจากความศรัทธาในพระพุทธศาสนา โดยขุดเจาะภูเขาเป็นสังฆรามขนาดใหญ่แบบศิลปะคุปตะและหลังคุปตะอันวิจิตร ถ้ำอชันตาประกอบไปด้วยถ้ำ 28 ถ้ำ มีอายุกว่า 2,000 ปี เป็นพุทธสถานที่สร้างจากการสกัดหน้าผา  หินเข้า ไปในเขาเหนือแม่น้ำวโฆระ แต่เดิมเป็นศูนย์กลางสำนักปฏิบัติของเหล่าสงฆ์ในพุทธศาสนาราวพุทธศตวรรษที่ 7-13 ก่อนถูกทอดทิ้งให้รกร้างกลางป่าจึงรอดพ้นจากการทำลายล้างจากกองทัพผู้รุกราน  จนมาถูกค้นพบอีกครั้งโดยบังเอิญจากนายทหารอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ภายในถ้ำท่านจะได้ชมงานแกะสลักเสาอันงดงามและวิจิตรบรรจง รวมถึงพระพุทธรูปและเจดีย์ศิลาที่สกัดและตกแต่งขึ้นจากหินเนื้อเดียวกันกับพื้นผนังถ้ำยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอายุกว่า 1,200 ปี มีความงดงามสมบูรณ์ด้วยเทคนิคการเขียนภาพสามมิติ ภาพสีเฟรสโก้อันน่าอัศจรรย์ พระพุทธรูปศิลา ที่แสดงอารมณ์พระพักตร์ต่างกันเมื่อแสงตกสะท้อนจากต่างมุมถ้ำอชันตาเป็นถ้ำที่ผสมผสานระหว่างศิลปะแบบพุทธและฮินดูเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จากนั้นนำท่านชม ป้อมเดาลาตาบัด แปลว่า เมืองแห่งความมั่งคั่ง เป็นป้อมในศตวรรษที่ 14 ป้อมปราการโบราณถูกโอบล้อมด้วยภูเขาดัลคีรี เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคาราวาน ตำนานเล่าว่าเมืองนี้สร้างขึ้นโดยดันการ์ เมื่อ ค.ศ.1203 หลังจากนั้นถูกสุลต่านเดลีชาวมุสลิมอลาอุดดินคิลจิยึดได้ใน ค.ศ.1294 เดวากิรีกลายเป็นเมืองสำคัญในสมัยของสุลต่านมูฮัมมัดดินตุ๊คลัคในปีค.ศ.1327 พระองค์ทรงตั้งเป็นเมืองหลวงและเปลี่ยนชื่อจาก เดวากิรี เป็น เดาลาตาบัด จวบจนถึงสมัยของโมกุล หลังจากนั้นจึงถูกถูกทิ้งร้างเพราะย้ายไปสร้างเมืองออรังกาบัดแทน

ค่ำ               

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย

พัก THE FERN RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 3ออรังกาบัด - ถ้ำเอลโลร่า - วัดฆฤษเณศวร - วัด Bhadra Maruti - ออรังกาบัด - เมืองมุมไบ

เช้า             

รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรมที่พัก

นำท่านเดินทางสู่ หมู่ถ้ำเอลโลร่า หนึ่งในสถานที่ที่สวยงามจนติดอันดับมรดกโลก ท่านจะได้  สัมผัสความใหญ่โตมหึมาของศาสนสถานหินเอลโลร่า อันสวยสดงดงาม และขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1983 ด้วยถ้ำมหัศจรรย์นี้ถูกสร้างโดยการขุดเจาะหน้าผาเข้าไปเป็นแนวตรงระหว่างศตวรรษที่ 6-10 ปลายสมัยราชวงศ์รัชตคุต ถ้ำเอลโลร่า ประกอบไปด้วยถ้ำทั้งหมด 34 ถ้ำ แบ่งเป็น
พุทธสถาน 12 ถ้ำ เทวสถานในศานาฮินดู 14 ถ้ำ และศาสนสถานของเชน 8 ถ้ำ ชมเทวสถานไกรลาส ในศาสนาฮินดู ซึ่งแกะสลักภูเขาทั้งลูกให้เป็นปราสาทหินศิลปะอินเดียใต้ สลักลวดลายเป็นรูปเทพเจ้าต่างๆ อย่างงดงามเหนือจิตนาการ

เที่ยง           

รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

บ่าย           

นำท่านเดินทางสู่  วัดฆฤษเณศวร เป็นหนึ่งในวัดสำคัญของออรังกาบัด ห่างจากถ้ำอิโลร่าไปไม่ถึง 1 กิโลเมตร ถูกสร้างเพื่ออุทิศให้กับพระศิวะที่อ้างอิงในพระอิศวรปุรณะ ชื่อของวัดมีภาษาถิ่นที่แปลว่าเจ้าแห่งความเมตตา วัดนี้ยังเป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญในประเพณี Shaiva ของศาสนาฮินดู จากนั้นนำท่านสู่ วัด Bhadra Maruti เป็นวัดฮินดูที่สร้างเพื่ออุทิศให้กับศาสนาฮินดูเทพหนุมาน ตั้งอยู่ห่างไปสี่กิโลเมตรจากถ้ำอิโลร่า ภายในวัดแห่งนี้มีรูปเคารพของหนุมานที่ถือเป็นเทพเจ้าเคารพหลักของวัดนี้ ทุกๆ วันวัดนี้จะเต็มไปด้วยเหล่าศาสนิกชนมากราบไหว้บูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันเสาร์ในช่วงเดือน “Sharavan” ตามปฏิทิน Marathi

ค่ำ               

รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย  ได้เวลานัดหมายนำท่านเดินทางสู่สนามบิน

21.25 น.     

คณะเดินทางออกจากสนามบินเมืองออรังกาบัด สายการบินอินดิโก้ (6E) เที่ยวบินที่ 6E6569

22.20 น.    

คณะเดินทางถึง เมืองมุมไบ จากนั้นนำคณะสู่ภัตตาคาร

            ã พัก THE FERN RESIDENCY HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 4เมืองมุมไบ - ประตูชัยอินเดีย - วิคทอเรียเทอร์มินัส - องค์ศรีสิทธิวินายัก - ช้อปปิ้งโคลาบา

เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ภัตตาคาร
นำท่านเดินทางสู่ ประตูสู่อินเดีย (Gateway of India) ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำในย่าน อพอลโลบันเดอร์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในโอกาสที่พระเจ้าจอร์จที่ 5 และพระราชินีแมรี่เสด็จมาร่วมงานเดลีดารบัร ในปี 1911 วัสดุที่ใช้สร้างเป็นหินทรายสีน้ำผึ้ง ยามเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นและตกแสงอาทิตย์จะทาบทาลงมา ทำให้ประตูเปลี่ยนสีจากทองเป็นส้ม และจากส้มเป็นชมพูสวยงามมาก กองกำลังอังกฤษชุดสุดท้ายเดินทางออกจากอินเดียผ่านใต้วงโค้งของประตูแห่งนี้ได้เวลาสมควรนำชม สถานีรถไฟวิคทอเรียเทอร์มินัส หรือชื่อเดิม วิคตอเรียเทอมินาส ที่ได้รับการตั้งชื่อตามพระนามพระราชินีวิคตอเรีย ก่อสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกกรรมแบบวิคตอเรียโกธิค ผสมผสานกับงานศิลปะแบบอินเดีย อันทรงคุณค่าจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภัตตาคาร

บ่าย
จากนั้นนำท่านสักการะ องค์ศรีสิทธิวินายัก (Siddhivinayak) ได้ชื่อว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองมุมไบ พระพิฆเนศวรคู่เมืองมุมไบ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอินเดีย นับถือกันว่าเป็นองค์ประธานของเทวรูปพระพิฆเนศทุกองค์ในโลก โดยองค์เทวรูป มีขนาดความสูง 75 เซนติเมตร และหน้าตักกว้าง 60 เซนติเมตร โดยงวงหันไปทางขวา ซึ่งมีความหมายว่าให้พรสมปรารถนาที่ทันใจ แต่ผู้สักการะนั้นต้องเป็นผู้ที่เคร่งครัดในการสวดภาวนา โดยด้านข้างขององค์เทวรูปจะปรากฏพระมเหสี 2 พระองค์ คือพระนางสิทธิ และพระนางพุทธะ ประทับอยู่ทั้ง 2 ด้านจากนั้นให้ท่านเลือกซื้อสินค้าของฝาก ณ. แหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญของเมืองมุมไบ ย่านโคลาบา (Colaba Causeway) เพียบพร้อมไปด้วยสินค้าหลากหลายชนิด เช่นเครื่องประดับ เพชรพลอย เสื้อผ้า และเครื่องหนัง โดยแต่ละส่วนจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป

ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก หลังอาหารพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก Radisson Blu HOTEL หรือเทียบเท่า

Day 5มุมไบ - กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)

05.30 น.     

รับประทานอาหารเช้า (SEXBOX) ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินมุมไบ

08.35 น.     

ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ 6E1051

14.30 น.     

คณะเดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความประทับใจมิรู้ลืม