05.30 น.
คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออก สายการบินแอร์ เอเชีย (FD) เจ้าหน้าที่ วาริต้า ทราเวล คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางให้กับท่าน
08.20น.
คณะออกเดินทางสู่เมืองคยาโดยสายการบินแอร์ เอเชีย เที่ยวบินที่ FD112
10.10 น.
คณะเดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองคยา (เวลาช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเรียบร้อยแล้ว
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองราชคฤห์ หรือ เบญจคีรีนคร แปลว่า เมืองที่มีเขาทั้ง 5 อันได้แก่ เขาคิชกูฏ เขาปัณฑวะ เขาเวภาระ เขาอิสิคิลิ และเขาเวปุลละ จากนั้นนำท่านชม รอยเกวียนโบราณ ที่อยู่บริเวณหลังประตูเมืองราชคฤห์ เป็นรอยเกวียนที่ลงลึกเข้าไปในหิน ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเป็นเส้นทางที่ใช้เกวียนมาหลายชั่วอายุคน และสอดคล้องกับพงศาวดารในอดีตเกี่ยวกับ เมืองราชคฤห์ที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จากนั้นนำท่านสู่ ถ้ำโสนภัณฑาร์ หรือถ้ำคลังมหาสมบัติของพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงความมั่งคั่ง ร่ำรวยของกรุงราชคฤห์ที่เหนือกว่า เมืองอื่น ๆในสมัยนั้น มหาสมบัติเหล่านี้อยู่ในถ้ำหินที่เกิดจากการขุดเจาะภูเขาเวภารบรรพต ซึ่งมีอยู่ 2 ถ้ำอยู่ติดกัน เกิดจากหินก้อนเดียวกัน นำท่านชม วัดเวฬุวันมหาวิหาร หรือป่าไผ่ สถานที่กำเนิดวันสำคัญทางศาสนา “วันมาฆบูชา” ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์ต่อหน้าพระสงฆ์ที่พระองค์ทรงบวชให้ทั้งหมด และวัดเวฬุวันมหาวิหารยังเป็นวัดแห่งแรกของพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ที่พระเจ้าพิมพิสารถวายให้กับองค์พระศาสดา จากนั้นนำชม ตโปทารามบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์สถานที่อาบน้ำแร่ร้อนธรรมชาติเพื่อเป็นการชำระล้างบาปซึ่งมีการแบ่งเป็นห้องอาบน้ำตามความเชื่อของชาวฮินดู โดยแต่ละวรรณะจะแยกชั้นลดหลั่นกันลงมาตามวรรณะทั้งสี่ ในแต่ละวันจะมีชาวฮินดูเดินทางมาอาบน้ำเพื่อทำการชำระล้างบาปกันเป็นจำนวนมาก
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก RAJGIR RESIDENCY หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่สถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเมืองราชคฤห์ ซึ่งตั้งอยู่บน ยอดเขาคิชกูฏ สถานที่ประทับ พรรษาแรกของพระพุทธเจ้า ซึ่งปรากฏหลักฐานหลายจุดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติ อันประกอบไปด้วย ถ้ำพระโมคคัลลานะ ที่พำนักและบำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องซ้าย ,จุดที่พระเทวทัตกลิ้งหินหวังปลงพระชนพระพุทธเจ้า ,ถ้ำสุกรขาตา (ถ้ำพระสารีบุตร) ที่พำนักและ
บำเพ็ญเพียรของอัครสาวกเบื้องขวา ผู้เป็นเอตทัคคะ ที่มีปัญญาเป็นเลิศ ,และจุดที่ถือได้ว่าสำคัญที่สุดคือพระคันธกุฎี กุฏิที่พำนักของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ในกรุงราชคฤห์ นำท่านสักการะพร้อมสวดมนต์ถวายแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อความเป็นสิริมงคลแด่ท่านและครอบครัว
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
บ่าย
จากนั้นนําท่านชม มหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่เคยรุ่งเรืองโด่งดังมากที่สุดในโลก มีพระนักศึกษาจํานวน หมื่น เมื่อราว พ.ศ.1700 ได้ถูก ชาวมุสลิม รุกรานสังหารพระ และเผา ทําลายเสียสิ้นปัจจุบันเหลือไว้แต่ซากปรักหักพัง ปรากฏเป็นรูป ฐานและผนังของอาคารยาวเหยียดในบริเวณอันกว้างขวาง และสถานที่แห่งนี้ยังเป็นบ้านเกิดของ พระโมคคัลลานา พระสารีบุตร ที่นี่ยังมีพระสถูปเจดีย์ที่บรรจุอัฐิธาตุของพระสารีบุตรปรากฏอยู่ หลังจากนั้นนําท่านกราบนมัสการ หลวงพ่อดําศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน สร้างในสมัยพระเจ้าเทวปาล เมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๓๕๓-๑๓๙๓ ประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศเหนือของซากปรักหักพังของมหาวิทยาลัยนาลันทา ถือได้ว่าเป็นพระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่รอดพ้นจากการทำลายของกองทัพมุสลิม เป็นที่เคารพศักการะของชาวพุทธเป็นอย่างมาก สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองพุทธคยา
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม
พัก DHAMMA GRAND HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เขาดงคสิริ ในสมัยพุทธกาลนั้นเป็นสถานที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญทุกรกริยาอยู่ภายในถ้ำบนเขา ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกริยาประดิษฐานอยู่ เพื่อเป็นสิ่งที่แสดงถึงสถานที่ที่สันนิษฐานว่าพระพุทธเจ้าได้บำเพ็ญทุกรกริยา เป็นระยะเวลา 6 ปี ภายหลังพระองค์ทรงทราบว่าการบำเพ็ญเพียรดังกล่าวไม่ใช่หนทางแห่งการตรัสรู้ จึงเกิดพุทธปรัชญา “ทางสายกลาง” หนทางแห่งการตรัสรู้ในที่สุด ในปัจุจุบันสถานที่บำเพ็ญทุกรกริยาแห่งนี้ รู้จักกันในชื่อ ถ้ำมหากาล อยู่ห่างจากเมืองพุทธคยาไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 12 กิโลเมตร สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
เที่ยง
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก
บ่าย
จากนั้นนำท่านสู่ อชปาลนิโครธ สถานที่พระพุทธองค์ทรงเสด็จข้ามแม่น้ำเนรัญชราไปยัง “ต้นไทรอชปาลนิโครธ” หรือต้นไทรของผู้เลี้ยงแพะ และประทับอยู่ 7 วัน ขณ ะเสวยวิมุตติสุขอยู่ ธิดาพญามาร 3 ตน คือ นางราคะ นางอรตี และนางตัณหา ได้อาสาผู้เป็นบิดาเข้าไปประเล้าประโลมด้วยเสน่ห์กามคุณต่างๆ นานา แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาพระทัยใส่ กลับขับไล่ไปเสีย แสดงถึงบุคลิกลักษณะอันประเสริฐของผู้ชนะตนได้แล้ว จะไม่ยอมกลับเป็นผู้แพ้อีกนั่นเอง จากนั้นนำท่านชมสถูปนางสุชาดา ผู้ซึ่งถวายข้าว มธุปายาสแก่เจ้าชายสิทธัตถะก่อนการตรัสรู้ และชมสถานที่ลอย ถาดทองอธิฐานที่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญในพุทธประวัติ ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “ลิลาจัน” มาจากคำสันสกฤตว่า “ไนยรัญจนะ” แปลว่า แม่น้ำที่มีสีใสสะอาด โดยแม่น้ำสายนี้มีความกว้างราว 1 กิโลเมตร ได้เวลาอันสมควรนำคณะเข้าสู่สถานที่สำคัญหนึ่งในสี่ของการเดินทางมาเยือนดินแดนแห่งพุทธภูมิแห่งนี้ คือต้น พระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
ภายใน ท่านจะได้ชม พระแท่นวัชรอาสน์ เป็นพระแท่นจำลองขึ้นทับตรงบริเวณพระแท่นเดิมเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ณ จุดนี้ ปัจจุบันสร้างด้วยวัสดุหินทรายเป็นรูปหัวเพชรสี่เหลี่ยม กว้าง 4.10 นิ้ว 7.6 นิ้ว หนา 5 นิ้วครึ่ง ประดิษฐานอยู่ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยสร้างกำแพง แก้วทำด้วยทองคำแท้ ประดิษฐานรอบต้น จากนั้นนำท่านสักการะ พระมหาเจดีย์พุทธคยา อนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์ 4 เหลี่ยม สูง 170 ฟุต วัด โดยรอบฐานได้ 121.29 เมตร ภายในประดิษฐาน พระพุทธเมตตา พระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบศิลปะปาละ และนำท่านสักการะสัตตมหาสถาน ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับเสวยวิมุตติสุขหลังตรัสรู้ 7 แห่งๆละ 7 วัน คือ โพธิบัลลังก์ อนิมิสเจดีย์ รัตนจงกรมเจดีย์ รัตนฆรเจดีย์ อชปาลนิโครธ (ต้นไทร) ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) และต้นราชายตนะ (ต้นเกด)
ค่ำ
รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก หลังอาหารอิสระพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก DHAMMA GRAND HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ
เช้า
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
10.40 น.
คณะอำลาประเทศอินเดีย ออกเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ด้วยเที่ยวบิน FD109
14.50 น.
เดินทางถึง สนามบินดอนเมือง ด้วยความสวัสดี…พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม