ทีมงานวาริต้า ทราเวล คอยให้คำแนะนำทุกคำถาม โทรเลย เวลาทำการ วันจันทร์ – ศุกร์ 09.00 น.-17.30 น.
วันเสาร์ : 9.00-12.00 น.
02-1024241-2
contact@varitatravel.com
➡ 8 วัน 6 คืน
– มหัศจรรย์ภูเขาสีรุ้งมรดกโลก
– เยือนกำแพงเมืองจีนด่านสุดท้าย
– โชว์พิเศษระบำซินเจียง
– ขี่อูฐท่องทะเลทรายหมิงซาซาน
– ชมความงามทะเลสาบวงพระจันทร์
– สักการะถ้ำพระแกะสลักมอเกาคู ภูเขาเปลวเพลิง
– เจดีย์ซูกงถ่า
– ชมทะเลสาบเทียนฉือสระแห่งสรวงสวรรค์
21-28 มี.ค.63 |
49,900 |
28 มี.ค. – 4 เม.ย. 63 |
49,900 |
6-13 เม.ย.63 |
49,900 |
20-27 เม.ย.63 |
49,900 |
23.10 น.
– คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 9 บริเวณแถว U เคาเตอร์เชคอินของสายการบิน ไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์ CHINA SOUTHERN AIRLINES (CZ) โดยมีเจ้าหน้าที่ของทาง บริษัทวาริต้า ทราเวล คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกแด่ท่านในเรื่องบัตรที่นั่งและการโหลดกระเป๋าสัมภาระ
02.10 น.
– ออกเดินทางสู่ เมืองอูรูมูฉี ประเทศจีนโดยเที่ยวบินที่ CZ3036/CZ6021 (0210-0600/0820-1330)
– บริการอาหารและเครื่องดื่มตลอดเที่ยวบิน ระหว่างการเดินทางท่านจะได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่พร้อมรับการบริการอันสุดแสนประทับใจ แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินนานาชาติกวางเจา สาธารณรัฐประชาชนจีน
13.30 น.
– คณะเดินทางถึงสนามบินเมืองอูรูมูฉี หลังตรวจรับสัมภาระแล้วนำท่านเข้าสู่ใจกลางเมืองเดินทางสู่ จากนั้นนำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ซินเจียง ที่บอกเล่าถึงความลี้ลับของเส้นทางเส้นไหม ซึ่งในอดีตจะประกอบไปด้วยประเทศต่างๆถึง 36 ชนเผ่า และท่านยังจะได้ทราบถึงร่องรอยประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมกว่าจะมาเป็นมณฑลซินเจียงในปัจจุบัน
ค่ำ
– รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ระหว่างรับประทานอาหารนำท่านชม โชว์พื้นเมืองระบำซินเกียง เป็นโชว์ที่งดงามตระการตาหาที่ใดเปรียบได้ยาก มีทั้งความสนุก เร้าใจ ความมันและความเร่าร้อนของการ ร่ายรำของชนชาวเหวยอู๋ เอ่อ หรือชาวซินเกียง ให้ท่านตะลึงดั่งอยู่ในมนต์เสน่ห์ของโชว์พื้นเมืองระบำซินเกียงนี้
– พักที่ YINDU HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า
– บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
– จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เทือกเขาเทียนซาน (ห่างจากอูรูมูฉี 110 ก.ม.) ที่มีความยาวกว่า 1,000 กิโลเมตรมีความสูงโดยเฉลี่ย 5,445 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ระหว่างทางรถวิ่งผ่านทิวทัศน์อันสวยงาม ของทิวเขาที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งตลอดทั้งปี ผ่านกระโจมชนพื้นเมือง จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถอุทยานขึ้นสู่เทียนซาน แล้วนั่งรถพลังงานแบตเตอรี่ (ไป-กลับ) สู่จุดชมวิวนำชมความงามของธรรมชาติที่ในระดับความสูง 1,900 เมตร ชม “ทะเลสาบเทียนฉือหรือทะเลสาบสีน้ำเงิน” เป็น
ทะเลสาบกลางหุบเขาที่มีชื่อเสียงว่าสวยงามดุจสรวงสวรรค์ จากนั้นนำท่านล่องเรือในทะเลสาบเทียนฉือ หรือ ทะเลสาบสรวงสวรรค์ ท่านจะได้เพลิดเพลินกับความงาม และบรรยากาศที่งดงามไม่แพ้แชงกรีล่าและจิ่วจ้ายโกว ชมทะเลสาบกลางหุบเขาที่สวยงาม ซึ่งจะทำให้นึกถึงภาพยนตร์เรื่อง “เดอะซาวน์ออฟมิวสิค”ได้ล่องเรือชมทัศนียภาพโดยรอบของทะเลสาบ
เที่ยง
– บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
– ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่ เมืองทูรูฟาน เมืองโอเอซีสอีกแห่งบนเส้นทางสายไหม เมืองทูรูฟานเป็นเมือง 3 ที่สุดในเขตซินเกียง คือ 1. ต่ำที่สุดในจีน โดยต่ำจากระดับน้ำทะเล 154.43 เมตร 2. ร้อนและแห้งที่สุดในจีน อุณหภูมิเฉลี่ย 35 องศาเซลเซียส เคยร้อนสูงสุดถึง 49 องศาเซลเซียส และ 3. ลมแรงสุด จึงมีโรงงานไฟฟ้าพลังลมหลายแห่ง ระหว่างทางผ่านชมโรงงานผลิตไฟฟ้าโดยกังหันลม จากนั้นนำท่านไปชมบ่อน้ำคันเอ๋อจิ่ง ระบบชลประทานใต้ดินของทูรูฟาน ซึ่งมีการต่อท่อเพื่อนำ น้ำที่ละลายจากน้ำแข็งบนภูเขาสูงลงมายังที่ราบแถบโอเอซีส โดยการขุดท่อใต้ดินเพื่อป้องกันการระเหยของน้ำในฤดูร้อน
ค่ำ
– บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
– พัก SHUANGCHENG HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า
– บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำชม เชียนฝอต้งหรือถ้ำพระพันองค์ ซึ่งเป็นมรดกโลกที่สำคัญของจีนโบราณอันลือชื่อในวงการศิลปกรรมโลกประกอบด้วยถ้ำใหญ่น้อยกว่า 490 ถ้ำ ซึ่งเจาะตามผนังเขา มีภาพเขียนและรูปปั้นเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก เฉพาะที่เขียนด้วยสีงดงามวิจิตรตระการตามีมากถึง 45,000 ตร.ม. รูปปั้นกว่า 2,000 องค์ มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เว่ยถังหยวน ชมภาพบนกำแพงที่แกะสลักหุ่น 500 กว่าตัว ที่มีชื่อเสียงและได้รับการดูแลรักษาไว้ตลอดมา จากนั้นนำท่านชม เมืองโบราณเกาชาง นั่งรถแบตเตอรี่เพื่อชมเมืองโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เนื้อที่กว้างถึง 20 ตารางกิโลเมตร กษัตริย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ จวี้ เหวินไท้ พระองค์เลื่อมใสศรัทธาพระถังซัมจั๋งเป็นอย่างมาก จึงสร้างโรงธรรมให้พระถังซัมจั๋งใช้เป็นที่เทศนาพระธรรมให้กับพระราชวงศ์ ขุนนาง และประชาชน
เที่ยง
– บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
– จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ภูเขาเปลวเพลิง หรือ ฝอเยี่ยนซาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่กล่าวถึงในนวนิยายเรื่องไซอิ๋ว ตอนที่ซุนหงอคงไปยืมพัดกายสิทธิ์จากองค์หญิงพัดเหล็กมาดับไฟในภูเขาเปลวไฟ เพื่อให้พระถังซำจั๋งได้เดินทางไปเชิญพระไตรปิฎกที่อินเดียต่อ ภูเขาเปลวไฟมีความยาวประมาณ 100 กิโลเมตร ความสูงเฉลี่ย 500 เมตร ลักษณะเป็นเขาหินสีอิฐแดงทั้งลูก ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าขึ้นเลยมองแต่ไกลจะเห็นเป็นสีเพลิงคล้ายไฟกำลังลุกไหม้ นำท่านชม เจดีย์ซูกง หรือ เอ๋อมิน มิเนเร่ต์ สร้างในปีค.ศ.1778 สมัยจักรพรรดิเฉียนหลง โดยสุไลมานผู้บัญชาการของทูลูฟาน เพื่อสดุดีให้บิดาซึ่งเป็นผู้นำชาวอุยกูร์ช่วยราชสำนักชิงสู้รบกับกบฏ เจดีย์แห่งนี้สร้างด้วยอิฐ ตอนกลางและบนสอบเข้า จัดเรียงอิฐลวดลายรูปทรงเรขาคณิต ภูเขา คลื่น, ต้นไม้ และอื่นๆ ข้างเจดีย์มีอาคารมัสยิดทรงสี่เหลี่ยมหลังคาทรงกลีบบัวและใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาใหญ่ๆเท่านั้น ….นำท่านแวะชมหมู่บ้านอุยกูร์
ค่ำ
– บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
– พัก SHUANGCHENG HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า
– บริการอาหารเช้า (SET BOX)
……….น.
– โดยสารรถไฟขบวน เดินทางสู่เมืองตุนหวง
……….น.
– เดินทางถึงเมืองตุนหวง เมืองตุนหวง เมืองแห่งโอเอซิสบนเส้นทางสายไหมที่เคยเจริญรุ่งเรือง อาณาบริเวณของเมืองตุนหวงนั้นติดกับเขตปกครองตนเองชนชาติซินเกียง เมืองนี้เป็นเมืองยุทธศาสตร์บนเส้นทางสายไหม ที่นักเดินทางทุกคนต้องหยุดแวะเพื่อจัดเตรียมเสบียงให้พร้อมก่อน เดินทางผ่านทะเลทรายอันยาวไกล เมืองตุนหวง จึงเป็นเมืองที่มีความหมายว่า ความเจริญรุ่งเรืองที่สุดในเส้นทางสายไหม
เที่ยง
– บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
– ได้เวลาสมควรเดินทางสู่ เนินทรายหมิงซาซาน เทือกเขาทะเลทรายที่มีความยาวจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก 40 กิโลเมตร จากทิศเหนือไปทิศใต้ 20 กิโลเมตร ยอดเขามีความสูงประมาณ 100 เมตร ทรายมีสีสันต่างกัน 5 สี คือ สีแดง สีเหลือง สีเขียว สีขาว และสีดำ ที่มาของภูเขาหมิงซาซาน แปลว่าภูเขาทรายร้องไห้ ตามตำนานเล่าว่าเคยมีกองทัพ 2 กองทัพกำลังสู้รบกันอยู่และในขณะนั้นได้เกิดพายุทรายพัดกระหน่ำมา จึงทำให้ทั้ง 2 กองทัพถูกฝังทั้งเป็นภายใต้กองทราย ปัจจุบันภูเขาหมิงซาซานเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองตุนหวง ให้ท่านได้ขี่อูฐชมทะเลทรายที่กว้างใหญ่ เดินตามกันเป็นทิวแถวไปตามสันทรายที่โค้งไปมา ภูเขาทรายดูเป็นประกายเมื่อต้องแสงอาทิตย์ตัดกับฟ้าสวยสีครามใสที่ท่านจะประทับใจไม่รู้ลืม จากนั้นนำท่านชม ทะเลสาบวงพระจันทร์ เป็นบ่อน้ำผุดที่ไม่เคยเหือดแห้ง แม้จะอยู่กลางทะเลทรายหมิงซาซาน มีความลึกเฉลี่ยเพียง 6 เมตร ความกว้างของทะเลสาบจากทิศเหนือไปทิศใต้ประมาณ 100 เมตร และจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก 25 เมตร ลักษณะของบ่อน้ำแห่งนี้คล้ายกับเสี้ยวพระจันทร์ จึงเป็นที่มาของ “สระน้ำวงพระจันทร์หรือสระน้ำพระจันทร์เสี้ยว” (รวมค่าขี่อูฐและค่ารถลากเที่ยวทะเลทราย)
ค่ำ
– บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
– พัก FUHUA HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า
– บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
– จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ถ้ำมอเกาคู (ถ้ำพระพุทธรูปแกะสลักที่สวยที่สุดติดอันดับ 1 ใน 4 ของเมืองจีน) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เมื่อ ปี ค.ศ. 1987 และได้รับการยกย่องเป็นแหล่งพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีน นำท่านชมภาพยนตร์ 3 มิติ เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเส้นทางสายไหมและต้นกำเนิดของถ้ำมอเกาคูในช่วงที่ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองมีการติดต่อซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและสิ่งของต่างๆนานา เช่น ผ้าไหมและเครื่องเคลือบ เป็นต้น จากนั้นนำท่านนั่งรถแบตเตอรี่เข้าสู่หุบเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำมอเกาคู นำท่านชมถ้ำโดยมีการแบ่งเป็นห้อง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์บนหน้าผาของเขาหมิงซานซึ่งได้มีการแกะสลักหน้าผาทางซีกตะวันออกของภูเขา ความยาวกว่า 1,600 เมตร ท่ามกลางทะเลทรายโกบี ห่างจากตัวเมืองตุนหวงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 25 กิโลเมตร ผาหินถูกเจาะเป็นถ้ำจำนวนทั้งสิ้น 492 ถ้ำ ภายในเป็นที่บรรจุพุทธประติมากรรมและภาพเขียนพุทธประวัติต่าง ๆ ในอดีตกาล และส่วนใหญ่ของถ้ำแห่งนี้ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ทุกตารางนิ้วของผนังถ้าเต็มไปด้วยภาพวาดและรูปสลักทางศาสนา ถ้ำแห่งนี้มีภาพผนังกินเนื้อที่กว่า 45,000 ตารางเมตร นักโบราณคดีตะวันตกขนานนามภาพผนังแห่งนี้ว่า “ห้องสมุดบนผนัง” ถ้ำมอเกาคูดำเนินการก่อสร้างนานนับพันปี ตั้งแต่ราชวงศ์ฉินถึงราชวงศ์หยวน รวม 10 ราชวงศ์ โดยยุคทองอยู่ในช่วงกลางสมัยราชวงศ์ถัง ปัจจุบันถ้ำมอเกาคูเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ห้ามพลาดในการเดินทางท่องเที่ยวเส้นทางสายไหม
เที่ยง
– บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่าย
– ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองเจียยี่กวน นำท่านชมกำแพงเมืองจีนด่านจียยี่กวน ถือเป็นด่านสุดท้ายทางด้านทิศตะวันตกของกำแพงเมืองจีนหมื่นลี้ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง เจียยี่กวนได้รับสมญานามว่า “เทียนเซี่ยโฉวงกวน” หรือ “ด่านที่น่าเกรงขามอันดับหนึ่งในใต้หล้า” เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1372 รัชกาลจักรพรรดิหมิงไท่จู ตัวด่านมีความยาวในแนวเหนือใต้ 160 เมตร ด้านตะวันตก 166 เมตร และด้านตะวันออก 154 สูง 10 เมตร ด้านบนประตูทางเข้ามีหอสังเกตการณ์ 3 หอ ก่อสร้างด้วยไม้ 3 ชั้น นับเป็นด่านยุทธศาสตร์ที่สำคัญมี่สุดแห่งหนึ่งของกำแพงเมืองจีน เพื่อเป็นปราการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าทางตอนเหนือและทางตะวันตก ด่านเจียยี่กวนได้ถูกบูรณะครั้งสำคัญ 2 ครั้ง ในสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง 2 ราชวงศ์สุดท้ายในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของจีน ถือเป็นด่านสุดท้ายที่สุดชายแดนประจบกับชนเผ่ามองโกล ซึ่งสภาพแวดล้อมมีแต่ทะเลทรายเวิงว้าง ด่านเจียยี่กวนนี้ได้รับการสร้างและออกแบบด้วยการคำนวณมาเป็นอย่างดี โดยผู้ที่คำนวณการก่อสร้างนั้นได้สั่งอิฐที่ใช้ในการก่อสร้างมาจำนวนพอดีกับการก่อสร้าง โดยมีเกินมาเพียงก้อนเดียวเท่านั้น และทุกวันนี้อิฐก้อนดังกล่าวยังคงตั้งอยู่บนกำแพงของตัวด่าน เพื่อเป็นการสดุดีความสามารถในทางวิศวกรรมของนายช่างผู้นี้ ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองจิ่วฉวน ตั้งอยู่ในมฑลกานซู ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลกานซู เป็นศูนย์กลางการเดินทางไปยังภูมิภาคฝั่งตะวันตก และเป็นเมืองที่เป็นป้อมปราการสำคัญอีกเมืองหนึ่งบนเส้นทางสายไหม
ค่ำ
– บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก
– พัก JIUQUAN HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า
– บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
– ออกเดินทางสู่ เมืองจางเย่ เมืองที่สำคัญมากในเส้นทางสายไหมทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์ความเป็นมาในเรื่องที่เป็นเมืองแห่งพุทธศาสนา นำท่านสู่ อุทยานธรณีวิทยา จางเย่ ตันเซี๋ย อุทยานธรณีแห่งชาติเมืองจางเย่ ตั้งอยู่ระหว่างเขตปกครองตนเองชนชาติยู่กู้ ซู่หนานและเทศมณฑลหลินเสอในเมืองจางเย่ มณฑลกานซู่ ประเทศจีน อุทยานแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 322 กม พื้นที่นี้ถูกจัดตั้งเป็นอุทยานธรณีระดับจังหวัด ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “อุทยานธรณีแห่งชาติเมืองจางเย่
เที่ยง
– รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร
บ่าย
– นำท่านชม ภูเขาสายรุ้ง ในเขตมณฑลกานซู่ เป็นประติมากรรมธรรมชาติ ประกอบไปด้วยแนวเขาแต้มสีเป็นลายริ้ว ซึ่งเกิดจากหินทราย และแร่ธรรมชาติ ที่ค่อยๆ ก่อตัวผ่านการปรับแต่งจากลม ฝน และกาลเวลากว่า 24 ล้านปี ทั้งนี้ปัจจุบันทิวเขาหลากสีตันเซี๋ย นับเป็นลักษณะภูมิประเทศที่เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่พบในประเทศจีนเท่านั้น และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปีพ.ศ. 2553 รวมเนื้อที่ 450,000 ไร่ขณะที่จีนยังมีทิวเขาลักษณะเดียวกับตานเสียในบริเวณนี้อีก 5 แห่ง และทั้งหมดล้วนได้รับการปกป้องอยู่ในบัญชีมรดกโลก เมื่อปี 2010 จากนั้นคณะเดินทางสู่เมืองหลานโจว ด้วยรถไฟหัวจรวด สุดยอดเทคโนโลยีในการเดินทางของจีน ที่ได้รับการยกย่องว่าสะดวกสบายที่สุดเทียบเท่ากับการเดินทางด้วยสายการบินชั้นนำ
18.30 น.
– โดยสารรถไฟขบวน D2708 เดินทางสู่เมืองหลานโจว
ค่ำ
– บริการอาหารค่ำ (SET BOX)
22.55 น.
– ถึงเมืองหลานโจว เมืองที่สำคัญบนเส้นทางสายไหมโบราณเมื่อประมาณ 5,000 ปีก่อน เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมแม่น้ำเหลือง เป็นแหล่งวัฒนธรรมชนกลุ่มน้อย และติดอันดับ 1 ใน 7 เมืองทางทหารที่ใหญ่ที่สุดของจีน เมื่อกล่าวถึงเมืองหลานโจว ผู้คนมักจะคิดถึงบะหมี่หลานโจวซึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองที่มีลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของเมืองหลานโจว สมควรแก่เวลานำท่านสู่ภัตตาคาร
– พัก ANSHENG INTER’L HOTEL หรือเทียบเท่า
เช้า
– บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
– จากนั้นนำท่านชมอนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง “หวงเหอหมู่ชิน” เป็นผลงานของศิลปินหญิงชาวจีน ชื่อ เหอเอ้อ ตั้งอยู่ช่วงกลางถนนปินเหอลู่ สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1986 ประติมากรรมนี้สลักจากหินแกรนิต มีความยาว 6 เมตร กว้าง 2.2 เมตร และสูง 2.6 เมตร มีน้ำหนักกว่า 60 ตัน เป็นรูปสลักที่เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของชนชาวจีนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่ง อนุสาวรีย์เป็นรูปนอนตะแคง ศอกดันศีรษะหันมองลูกน้อยที่นอนอิงแอบอยู่ข้าง ๆ สายตาที่นางมองดูลูกน้อยนั้นเป็นแววตาที่อบอุ่นเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก รูปปั้นนี้จึงเปรียบเสมือนแม่น้ำหวงเหอที่เป็นแม่น้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงมวลประชาชนชาวจีนหลายร้อยล้านคนประดุจดังหนึ่งเป็นบุตรน้อยของนางมายาวนานนับพันปี จากนั้นผ่านชมสะพานเหล็กหวงเหอ หรือ “หวงเหอตี้อี้เฉียว” ชาวบ้านเรียกกันว่า สะพานที่ 1 แห่งแม่น้ำหวงเหอ เนื่องด้วยแต่เดิมสร้างขึ้นเมื่อสมัยราชวงศ์หมิง ราวๆ ศตวรรษที่ 13 เป็นสะพานแพขนาดใหญ่ 24 แพติดต่อกัน ในฤดูหนาวจะรื้อออกและในฤดูร้อนจะนำมาต่อใหม่เพื่อเชื่อมฮวงโห ชิงไห่ และหนิงเซี่ย ซึ่งเป็นหัวใจของเส้นทางสายไหม แต่เมื่อฤดูน้ำหลาก กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากส่งผลให้สะพานเสียหายมาก ในสมัยราชวงศ์ชิง ปี ค.ศ. 1907 จึงได้สร้างเป็นสะพานเหล็กขึ้น ซึ่งออกแบบโดยวิศวกรชาวเยอรมัน แต่วัสดุชิ้นส่วนของสะพานนั้นมาจากการขนส่งและลำเลียงโดยเกวียน รถม้า และคนหาม ซึ่งเป็นประชาชนชาวจีนทั้งสิ้น
เที่ยง
– รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร หลังมื้ออาหารนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
12.55 น.
– คณะอำลาเมืองหลานโจว เหินฟ้ากลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน สายการบินไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ CZ3206//CZ361 (1255-1610/2005-2200) แวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินนานาชาติกวางเจา สาธารณรัฐประชาชนจีน
22.00 น.
– ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ…..